โครงการ Dhamma OD Happy Life (ธรรมะโอดี) หลักสูตรชีวิตเบิกบานการทำงานเป็นสุข

โครงการ Dhamma OD Happy Life (ธรรมะโอดี) หลักสูตรชีวิตเบิกบานการทำงานเป็นสุข
สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตจังหวัดพิษณุโลก จัดโครงการ Dhamma OD Happy Life (ธรรมะโอดี) หลักสูตร ชีวิตเบิกบานการทำงานเป็นสุข ระหว่างวันที่ 26 – 27 มีนาคม 2568 ณ ห้องประชุมโรงแรมเรือนแพ รอยัล ปาร์ค ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองจังหวัดพิษณุโลก โดยมีพระปราโมทย์ วาทโกวิโท , ดร. ผู้อำนวยการหลักสูตรพุทธศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาสันติศึกษา มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ให้เกียรติเป็นวิทยากรพิเศษบรรยายให้ความรู้ พร้อมมอบใบประกาศเกียรติบัตร ให้ผู้เข้ารับการอบรม
การประชุมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรชีวิตเบิกบานการทำงานเป็นสุข มีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้นำชมรมเครือข่าย 11 ชมรม ในเขตพื้นที่ 9 อำเภอของจังหวัดพิษณุโลก รู้บทบาทหน้าที่ของตนเอง และเกิดความผูกพันในองค์กรมีการทำงานเป็นทีมมองภาพอนาคตองค์กรร่วมกัน เพื่อจะได้ยกระดับเป็นองค์กรแห่งความสุข และประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อคนพิการ เพื่อให้ผู้นำชมรมเครือข่าย มีความรู้ ความเข้าใจ มีความสามารถในการดูแลช่วยเหลือคนพิการ ทางจิตและได้รู้ทิศทางการดำเนินงาน รวมทั้งสามารถจัดทำแผนการดำเนินงานร่วมกันได้อย่างมีคุณภาพ และสามารถเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้คอยช่วยปกป้องสิทธิและเป็นปากเป็นเสียงแทนคนพิการได้ รวมทั้งเคารพความแตกต่างหลากหลายที่เกิดขึ้นในองค์กรได้
โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารสมาคมฯ ที่ปรึกษาสมาคมฯ และที่ปรึกษาโครงการ ผู้นำ หรือแกนนำชมรมเครือข่าย 11 ชมรม ผู้สังเกตการณ์ วิทยากร และ คณะทำงาน จำนวน 63 คน คาดหวังว่า ผู้นำชมรมเครือข่ายที่เข้าร่วมกิจกรรมมีความรู้ความสามารถในการขับเคลื่อนงานองค์กรด้านคนพิการทางจิตและได้รู้ทิศทางการดำเนินงาน ได้อย่างมีคุณภาพ มีความมั่นคงและยั่งยืน อีกทั้งผู้บกพร่องทางจิตหรือคนพิการทางจิตในแต่ละพื้นที่ได้รับบริการในการดูแลช่วยเหลือและฟื้นฟูอย่างถูกวิธี มีคุณภาพและเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
รวมทั้งสามารถจัดทำแผนการดำเนินงานร่วมกันได้อย่างมีคุณภาพ และสามารถเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อจะได้คอยช่วยปกป้องสิทธิและเป็นปากเป็นเสียงแทนคนพิการได้ รวมทั้งเคารพความแตกต่างหลากหลายที่เกิดขึ้นในองค์กรได้ และยังสามารถเชื่อมโยงการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ได้มากยิ่งขึ้น