เติมรักกลางเทือกเขาหิมาลัย กับ 7 เหตุผลที่คู่รักควรไปฮันนีมูนที่ภูฏาน

เติมรักกลางเทือกเขาหิมาลัย กับ 7 เหตุผลที่คู่รักควรไปฮันนีมูนที่ภูฏาน

อากาศเย็นตลอดทั้งปีที่ประเทศภูฏานจะเป็นโอกาสสุดเพอร์เฟ็คท์ให้คู่รักได้เติมความรัก และความอบอุ่นซึ่งกันและกัน ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติกซึ่งมีเทือกเขาหิมาลัยเป็นฉากหลังอันตระการตา นอกจากภูฏานจะสามารถคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม และวิถีชีวิตอันเรียบง่ายแสนงดงาม ประเทศแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมอีกมากมายหลายประเภทที่เหมาะกับคู่รักซึ่งกำลังเริ่มต้นใช้ชีวิตด้วยกัน ลองดู 7 เหตุผลนี้ แล้วจะรู้ว่าทำไมภูฏานถึงเหมาะกับการฮันนีมูนมากที่สุด

1. เพราะเป็นดินแดนที่งดงามและเงียบสงบ
คนทั้งโลกรู้กันดีว่าภูฏานเป็น ‘ดินแดนแห่งความสุข’ ที่นี่เลยเหมาะกับคู่รักที่อยากหาที่พักผ่อนเงียบ ๆ ฟื้นฟูร่างกายหลังจากจัดงานแต่ง และได้ใช้เวลาแบบโรแมนติกร่วมกัน เนินเขาที่เรียงสลับคล้ายภาพวาด ศาสนสถานสมัยโบราณ และทัศนียภาพที่สวยตระการตาจะสร้างพลังบวกสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ ไม่ว่ากิจกรรมที่ทำร่วมกันจะเป็นการเดินสำรวจหมู่บ้านกลางหุบเขา หรือนอนฟังเสียงธรรมชาติ ภูฏานก็จะมอบช่วงเวลาแห่งความสุขอันสมบูรณ์แบบให้กับคุณได้

2. เพราะเป็นประเทศที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ฤดูหนาวช่วงต้นปีจะสร้างบรรยากาศโรแมนติกด้วยฉากหิมะที่ปกคลุมเทือกเขา และการผิงไฟในบ้านพักแบบโฮมสเตย์ หลังจากนั้นอากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นเมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ท้องฟ้าแจ่มใส่ อากาศเย็นสบายตลอดวัน เหมาะแก่การถ่ายรูป และเดินป่าในเส้นทางที่ชอบ ส่วนคู่รักคู่ไหนที่รักสีเขียวชอุ่มของพืชพรรณ และวัตถุดิบท้องถิ่น ฤดูร้อนจะเป็นช่วงที่ผลิตผลทางการเกษตรออกผลให้ได้ลิ้มลองรสธรรมชาติ รวมถึงของป่าหายาก และยังมีเทศกาลเฉลิมฉลองให้เข้าร่วมอีกมากมาย

3. เพราะจะสร้างนิยามใหม่ของความโรแมนติก
ภูฏานไม่ได้มีแค่ธรรมชาติที่สวยงาม แต่ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมที่จะสร้างรสชาติใหม่ของความรักให้กับคู่ของคุณ การเดินขึ้นเขาเพื่อไปยังวัดถ้ำเสือ (Tiger’s Nest Monastery) ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าผาเป็นประสบการณ์ที่ห้ามพลาด เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่คู่รักจะได้พิชิตเส้นทางศักดิ์สิทธิไปพร้อมกัน หรือจะเยือนพูนาคาซอง ป้อมปราการศักดิ์สิทธิซึ่งเคยเป็นศูนย์บัญชาการสำคัญซึ่งตั้งอยู่ในเมืองพูนาคา อดีตราชธานีของภูฏาน หรือจะเพิ่มดีกรีความตื่นเต้นในหุบเขาอันเงียบสงบของเมือง บุมทัง และ กังเตย์ ซึ่งตั้งอยู่ห่างออกไปจากเมืองหลวง เหมาะกับการใช้เวลาอยู่ร่วมกันสองต่อสองเป็นที่สุด

4. เพราะสามารถบอกรักกันและกันผ่านอาหารภูฏาน
ร้านอาหารในประเทศภูฏานจะอบอวลไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกแสนเรียบง่าย อย่างเช่นที่ร้าน Folk Heritage Museum ที่นำเสนออาหารภูฏานแท้ มาพร้อมกลิ่นอายของประเพณี และวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม หรือที่ร้าน Babesa Village ซึ่งเสิร์ฟอาหารภูฏานแบบร่วมสมัยในบ้านเก่าอายุกว่า 600 ปี ส่วน Champaca Café ที่เมืองพาโร จะเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ ตกแต่งได้น่ารัก เหมาะสำหรับนั่งพักระหว่างการเดินทาง หรือนั่งพูดคุยกันสองคนพร้อมจิบกาแฟกลิ่นหอม สำหรับใครที่อยากลองมื้อแบบมังสวิรัติ ต้องไปที่ร้าน Sonam Trophel และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือร้าน Zombala เพราะเกี๊ยวนึ่ง และพริกผัดชีสของเขา อร่อยขึ้นชื่อจนกลายเป็นร้านที่คนท้องถิ่นแนะนำเป็นเสียงเดียวกัน

5. เพราะรวมสถานที่เที่ยวสุดประทับใจ ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย
ใครที่กำลังมองหาสถานที่สำหรับฮันนีมูนเพื่อเก็บความทรงจำให้อยู่ในใจตลอดไป ภูฏานตอบโจทย์ในทุกข้อ เพราะภูมิประเทศในแต่ละจังหวัดมีความสวยงามที่แตกต่างกันไป เช่น จุดชมวิวโดชูล่า (Dochula Pass) ทางผ่านระหว่างไปเมืองพูนาคา ที่สามารถมองเห็นยอดเขาหิมะหลายแห่งซึ่งทอดตัวเรียงกันอย่างสวยงาม ส่วนสถานที่สุดโรแมนติกต้องยกให้เมืองพูนาคา ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับลักซ์ชูรีหลายแห่ง ได้ทั้งทิวทัศน์ของแม่น้ำ Mo Chhu และภูเขาอันเงียบสงบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายรูปในโมเม้นต์แสนโรแมนติก

6. เพราะมีกิจกรรมผจญภัยสุดตื่นเต้น
คู่รักคู่ไหนที่มาสายแอดเวนเจอร์ ก็มาใช้เวลาฮันนีมูนที่ภูฏานได้เหมือนกัน เพราะรวมกิจกรรมสุดตื่นเต้นให้เลือกทำได้มากมาย ตั้งแต่การล่องแก่งในแม่น้ำ Pho Chhu และ แม่น้ำ Mo Chhu พร้อมชมวิถีชีวิตสองข้างทาง และมองเห็นสะพานแขวนที่ประดับตกแต่งด้วยธงมนต์หลากสี ส่วนใครที่ฟิตร่างกายมาอย่างเต็มที่ต้องไม่พลาดเส้นทางเดินป่าสุดมันที่ Jomolhari และ Druk Path ซึ่งจะได้เห็นภูมิประเทศในมุมที่ต่างออกไป หลังเสร็จกิจกรรมแล้ว แนะนำให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วยการแช่น้ำหินร้อนสไตล์ดั้งเดิม ส่วนใครที่มองหาประสบการณ์ที่อยากทำสักครั้งในชีวิต ต้องลองเล่นพาราไกลดิ้งพร้อมกัน เพราะจะได้เห็นประเทศภูฏานในมุมสูง และได้เป็นหนึ่งในไม่กี่คู่รักที่เคยทำกิจกรรมนี้!

7. เพราะเป็นประเทศที่ความลักซ์ชูรีผสานกับวัฒนธรรมได้อย่างลงตัว
หากเคยลองมาเข้าพักในรีสอร์ทระดับลักซ์ชูรีที่ประเทศภูฏาน ก็จะพบว่าทั้งการตกแต่ง และงานบริการได้สอดแทรกประเพณี และวัฒนธรรมของความเป็นภูฏานไว้อย่างลงตัว คู่รักสามารถเลือกดินเนอร์สุดโรแมนติกใต้แสงเทียน ปรนนิบัติร่างกายกับทรีตเมนต์ที่ใช้สมุนไพรท้องถิ่น หรือเลือกห้องพักซึ่งสามารถมองเห็นวิวได้แบบพาโนรามาสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่าคุณจะเข้าพักในรีสอร์ทแบบไหน ก็มั่นใจได้เลยว่าทุกประสบการณ์จะเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ เหมาะสมกับการฮันนีมูนที่สุด

วิถีชีวิตอันเรียบง่ายที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติแสนยิ่งใหญ่ จะทำให้เวลาที่ประเทศภูฏานเดินช้ากว่าที่ไหน เปิดโอกาสให้ทุกคู่รักได้มีช่วงเวลาคุณภาพ ราชอาณาจักรแห่งนี้จะมอบทั้งความสุข ความเป็นส่วนตัว และความทรงจำที่ดี ให้ภูฏานเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นชีวิตคู่ของคุณ และสร้างรอยยิ้มได้ทุกครั้งเมื่อนึกถึง

เกี่ยวกับ สภาการท่องเที่ยวแห่งประเทศภูฏาน
สภาการท่องเที่ยวแห่งประเทศภูฏานมีหน้าที่รับผิดชอบในการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในภูฏาน เป็นองค์กรซึ่งทำหน้าที่เผยแพร่ความงดงามของสถานที่ ผู้คน และประสบการณ์ในราชอาณาจักรแห่งนี้ ให้กับนักท่องเที่ยวโดยยึดหลักการรับนักท่องเที่ยวปริมาณน้อย เพื่อให้ได้สัมผัสคุณค่าและประสบการณ์สูงสุด

เกี่ยวกับ ภูฎาน “บีลีฟ” (Bhutan Believe)
ภูฎาน “บีลีฟ” เป็นแบรนด์และสโลแกนใหม่ของประเทศภูฏาน เน้นย้ำความเชื่อของประเทศเรื่องอนาคตที่ดีกว่า น้อมนำโดยภูมิปัญญาจากคนรุ่นเก่า “บีลีฟ” เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อในอนาคตของภูฏาน เช่นเดียวกับศักยภาพ ความเป็นไปได้ และโอกาสที่ภูฏานนำเสนอให้กับโลกที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเกี่ยวกับการเชื่อในคุณค่า ความสามารถ การมีส่วนร่วมและศักยภาพของพลเมืองของประเทศ
ผู้มีโอกาสมาเยือนประเทศภูฏานต่างสรุปความหมายของ ภูฎาน “บีลีฟ” ด้วยใจความว่า: “เราเห็นอนาคตที่สดใส และเราเชื่อในความสามารถและความรับผิดชอบในการบรรลุเป้าหมายร่วมกันของเรา ซึ่งส่องประกายเป็นสัญญาณแห่งความเป็นไปได้ภายใต้โลกใบนี้”

ความหวังคือการเป็นในสิ่งที่เราเชื่อ เราถูกขอให้เชื่อมั่นในตนเอง คุณค่าของเรา ในอนาคตของภูฏาน ด้วยความหวังและความเชื่อมั่น

เกี่ยวกับ วีซ่าและค่าธรรมเนียมเพื่อการพัฒนาความยั่งยืน
การยื่นขอวีซ่าหรือใบอนุญาตไปภูฏานนั้นสามารถทำได้ง่ายดาย นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องมีวีซ่าและใบอนุญาตก่อนเดินทางไปภูฏานโดยสมัครทางออนไลน์หรือผ่านทางบริษัททัวร์ภูฏาน โดยใช้เวลาประมาณ 5 วันในการดำเนินการ ยกเว้นนักท่องเที่ยวจากอินเดีย มัลดีฟส์และบังคลาเทศที่สามารถยื่นขอ ณ วันที่เดินทางมาถึงได้

ผู้มาเยือนทุกคนจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Fee – SDF) ของภูฏานเป็นจำนวน 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อคนต่อคืน (มีอัตราลดหย่อนสำหรับเด็ก) และค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่าจำนวน 40 ดอลลาร์สหรัฐ จะใช้ได้เพียงหนึ่งครั้ง และไม่สามารถขอคืนได้ สำหรับชาวอินเดียจะต้องชำระค่า SDF เป็นจำนวน 1,200 รูปีต่อคนต่อคืน

ค่าธรรมเนียมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDF) จะถูกนำมาใช้เป็นทุนสนับสนุนโครงการด้านวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม สุขภาพ และการศึกษาทั่วประเทศภูฏาน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: www.bhutan.travel