“ตม.จว.สตูล สนับสนุนภารกิจ ตชด.436 และฝ่ายปกครอง จับกุมชาวเมียนมาครอบครองยาบ้า 985 เม็ด ทั้งเสพเองและขายให้คนในละแวกใกล้เคียงราคาเม็ดละ 20 บาท”

“ตม.จว.สตูล สนับสนุนภารกิจ ตชด.436 และฝ่ายปกครอง จับกุมชาวเมียนมาครอบครองยาบ้า 985 เม็ด ทั้งเสพเองและขายให้คนในละแวกใกล้เคียงราคาเม็ดละ 20 บาท”

 


ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6 ,พ.ต.อ.เจริญพงษ์ ขันติโล ผกก.ตม.จว.สตูล, พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รอง ผกก.ตม.จว.สตูล และ พ.ต.ท.คำนึง อุ่นปลอด ผบ.ร้อย ตชด.436

ตม.จว.สตูล และฝ่ายปกครองจังหวัดสตูล ได้รับการประสานจาก เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด ตชด.436 ที่ได้ทำการสืบสวนโดยได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับว่ามีนายพู ชาวเมียนมา มีพฤติกรรมจำหน่ายยาบ้า ที่ขนำไม่มีเลขที่ในชุมชน ม.2 ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล จึงได้ประชุมวางแผนร่วมกันเพื่อทำการจับกุม จนวันที่ 27 มี.ค.67 เวลาประมาณ 14.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบบริเวณขนำไม่มีเลขที่ในชุมชน ม.2 ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล พบชายวัยรุ่น 1 คน นั่งอยู่ข้างในขนำ เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ได้มีอาการพิรุธ หน้าซีด ตัวสั่นชัดเจน

พูดคุยสอบถามจนทราบว่าชื่อ พู เป็นชาวเมียนมา อายุ 30 ปี สามารถสื่อสารภาษาไทยได้เข้าใจ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจเอกสารของคนต่างด้าวซึ่งนายพู ยอมรับว่าไม่มีแต่อย่างใด หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นภายในขนำดังกล่าว และค้นสิ่งของส่วนตัวของนายพู จนพบยาบ้ารวมจำนวน 985 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงินแบบกดเปิดปิด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายข้างสีน้ำตาลซึ่งตั้งอยู่ในขนำดังกล่าว เมื่อสอบถามนายพู ยอมรับว่ายาบ้าทั้งหมดเป็นของตนเองจริงและเพิ่งจะเสพยาบ้าก่อนที่จะถูกตรวจพบ โดยยาบ้าดังกล่าวได้แบ่งขายให้กับคนในละแวกใกล้เคียงในราคาเม็ดละ 20 บาท เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายพูไปตรวจหาสารเสพติดที่ รพ.สตูล และพบว่ามีสารเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะของนายพูจริง

จึงได้จับกุมดำเนินคดีในความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีน)โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยฝ่าฝืนกฎหมาย, เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(เมทแอมเฟตามีน)โดยผิดกฎหมาย” หลังจากนั้นได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยคนต่างด้าวหลังจากได้รับโทษตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว จะต้องถูกผลักดันกลับประเทศและยังต้องห้ามเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยตามที่กฎหมายกำหนดเอาไว้