คลับเมดประเทศไทยและคลัสเตอร์ตลาดเกิดใหม่ รายงานผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566

คลับเมดประเทศไทยและคลัสเตอร์ตลาดเกิดใหม่ รายงานผลประกอบการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2566
พร้อมแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องปี 2567 สอดคล้องกับการเติบโตของคลับเมดในภูมิภาคอื่นๆ และคลับเมดทั่วโลก

สืบเนื่องจากความต้องการท่องเที่ยวพักผ่อนริมชายหาดและท่ามกลางขุนเขาที่เป็นไปในทิศทางบวก กอปรกับแผนขยายจำนวนรีสอร์ตให้มากขึ้นทั่วโลก และความเป็นผู้นำแข็งแกร่งด้านที่พักท่ามกลางขุนเขาของคลับเมด นำมาสู่แนวโน้มการเติบโตในเชิงบวกอย่างต่อเนื่องในปี 2567

 

คลับเมด (Club Med) ผู้นำด้านการพักผ่อนในวันหยุดระดับพรีเมียม แบบจ่ายครั้งเดียวจบ ปิดศักราชปี 2566 ด้วยความสำเร็จอย่างภาคภูมิ ท่ามกลางปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย คลับเมดยังคงรักษาการเติบโตอย่างภาคภูมิและผลประกอบการที่แข็งแรง พร้อมวางรากฐานที่มั่นคงปูทางสู่การเป็นผู้นำตลาดด้านวันหยุดพักผ่อน สู่จุดหมายปลายทางท่ามกลางขุนเขาและชายหาดทั่วโลก พร้อมคาดการณ์อนาคตที่สดใสสำหรับปี 2567

ในปี 2566 ธุรกิจของคลับเมดมีมูลค่ารวม 1,981 ล้านยูโร ซึ่งเติบโตขึ้น 17% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 และ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 รายได้จากการดำเนินงานของรีสอร์ตยังเพิ่มขึ้นถึง 174 ล้านยูโร คิดเป็น 64% เมื่อเทียบกับปี 2565 และ 70% เมื่อเทียบกับปี 2562

อัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยเฉลี่ยมีอัตราสูงขึ้นถึง 97% (หรือคิดเป็น +10 พอยต์ เมื่อเทียบกับปี 2562) โดยในปี 2566 คลับเมดต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 1.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 16% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจากเอเชียภายหลังข้อจำกัดในการเดินทางผ่อนคลายลง

อัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 70% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด โดยที่เพิ่มขึ้นถึง 3.4 พอยต์ จากปี 2565 ซึ่งทำให้กำไรจากการดำเนินงานดีขึ้นอยู่ที่ 9.5% เมื่อเปรียบเทียบกับ 2562 ซึ่งอยู่ที่ 6.2% หรือดีขึ้น 50% อันเป็นผลสืบเนื่องจากการวางแผนกลยุทธ์ในการปรับตำแหน่งทางการตลาดให้สูงขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

คลับเมดคาดการณ์ว่าภายในกลางปี 2567 รีสอร์ตในเครือของคลับเมด จะบรรลุการปรับโครงสร้างเพื่อยกระดับรีสอร์ตทั้งหมดให้ได้มาตรฐานระดับพรีเมียม หรือ เป็นรีสอร์ตระดับหรูในกลุ่มเอ็กซ์คลูซีฟ คอลเล็กชั่น เพื่อนำเสนอประสบการณ์พิเศษเหนือระดับโดยสมบูรณ์ 100%

โดยในช่วงแรกของปี 2567 อัตราการจองการเข้าพักมีผลลัพธ์ที่น่าพอใจ โดยเพิ่มขึ้นถึง +14% (ข้อมูลณ วันที่ 4 มีนาคม) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงสุดที่เคยมีมา

สำหรับผลประกอบการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก (ESAP) ในปีที่ผ่านมา เป็นปีที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความต้องการการท่องเที่ยวยังรีสอร์ตแบบจ่ายครั้งเดียวจบที่เป็นที่นิยมมากขึ้น โดยมีอัตราธุรกิจที่เพิ่มขึ้นถึง 102% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2562 นอจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าพักก็เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นถึง 43% เมื่อเทียบกับปี 2565 และเป็นระดับจำนวนนักท่องเที่ยวเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด-19

แนวโน้มการเติบโตดังกล่าว สืบเนื่องจากความต้องการการเข้าพักที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยังสกีรีสอร์ตของคลับเมด ในประเทศญี่ปุ่น อันรวมไปถึง คลับเมด คิโรโระ พีค รีสอร์ต ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนธันวาคม 2566

สำหรับในประเทศไทย และประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ยกเว้นสิงคโปร์และมาเลเซีย) ก็เติบโตในทิศทางที่สอดคล้องกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเติบโตของธุรกิจยังสกีรีสอร์ต และรีสอร์ตท่ามกลางขุนเขา ตอกย้ำให้เห็นถึงสถานะความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งด้านการท่องเที่ยวท่ามกลางภูเขาได้อย่างดี

โดยในกลุ่มประเทศนี้ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 74% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 โดยมียอดขายในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนการเกิดการแพร่ระบาดของโรค ทั้งนี้ 65% ของปริมาณธุรกิจในกลุ่มคลัสเตอร์นี้เป็นยอดขายจากประเทศไทย

เมื่อพิจารณาเป็นรายตลาดพบว่า สัดส่วนธุรกิจของการเล่นสกีและท่องเที่ยวบนภูเขาได้เพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยมีอัตราเปรียบเทียบเมื่อเทียบกับปริมาณธุรกิจรวมตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2565 มีดังนี้:

*ประเทศไทย: จาก 33% เป็น 50%
*อินโดนีเซีย: จาก 29% เป็น 35%
*อินเดีย: จาก 6% เป็น 19%
*ตลาดใหม่ประเทศอื่น ๆ: จาก 24% เป็น 44%

ตัวเลขจากประเทศไทยในธุรกิจสกี กำลังเป็นที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีการเติบโตขึ้นถึง 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ความสำเร็จนี้เกิดจากกลยุทธ์การตลาดอันชาญฉลาดโดยการขยายตลาดสู่สกีรีสอร์ตยอดนิยมบนเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น และการบุกตลาดสกีในยุโรป ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ด้วยอัตราเติบโตถึง 330% เมื่อเทียบกับปี 2562

อัตราการเติบโตนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากเทรนด์ของการ “เที่ยวล้างแค้น” (The Revenge Travel Phenomenon) ผนวกกับความสำเร็จของธุรกิจสกีและการท่องเที่ยวภูเขา (+75% เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนการแพร่ระบาดของโรค) ความสำเร็จนี้ได้รับแรงกระเพื่อมจากการเปิดตัว คลับเมด คิโรโระ พีค รีสอร์ตใหม่บนภูเขาในฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา และกลยุทธ์ในการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวสกีใหม่ ๆ โดยเฉพาะที่ภูเขาในยุโรป

แรงสะท้อนนี้ส่งผลลัพธ์ในเชิงบวกต่อปี 2566 โดย เรเชล ฮาร์ดิง (Rachael Harding) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายตลาดเอเชียตะวันออก เอเชียใต้และเอเชีย กล่าวว่า “ความสำเร็จที่น่าทึ่งของคลับเมด เป็นการยืนยันถึงความเป็นผู้นำในตลาดของเราในด้านจุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนแบบพรีเมียม และแบบจ่ายครั้งเดียวจบ โดยเฉพาะในรีสอร์ตที่อยู่บนภูเขาของเรา เราจะยังคงสร้างประสบการณ์ที่น่าทึ่งให้กับลูกค้าของเรา โดยช่วยให้พวกเขาคลายความกังวลและภาระที่แบกรับทางจิตใจในชีวิตประจำวัน ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ในแคมเปญ ‘That’s l’Esprit Libre’ เราเชื่อมั่นในการสร้างประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความผ่อนคลายและความสุข มุ่งสู่การใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เราจะสร้างประสบการณ์วันหยุดที่ยอดเยี่ยม ผ่านพื้นที่ที่ถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน กิจกรรมกีฬาและความบันเทิงที่ได้รับการคัดสรรอย่างดีเยี่ยม เพื่อสร้างช่วงเวลาของความสุขใน คลับเมด และยกระดับประสบการณ์ของผู้มาพักด้วยทีมงาน G.O. ที่เป็นหัวใจสำคัญของการบริการระดับพรีเมียมแบบจ่ายครั้งเดียวจบของเรา ด้วยแผนการขยายกิจการที่แข็งแกร่ง คลับเมดพร้อมที่จะสร้างประสบการณ์การเดินทางที่เหนือกว่าให้กับนักท่องเที่ยวทั้งในปัจจุบันและในอนาคต”

บรูโน่ กูร์แบ (Bruno Courbet) ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยและกลุ่มตลาดใหม่ กล่าวเสริมว่า “การเติบโตครั้งนี้สะท้อนถึงความโดดเด่นของแพ็กเกจจ่ายครั้งเดียวจบอันเป็นเอกลักษณ์ของคลับเมด โดยเฉพาะในจุดหมายปลายทางสกีรีสอร์ตของเรา ด้วยเครือข่ายสกีรีสอร์ตกว่า 15 แห่งในฝรั่งเศส และรีสอร์ตคลับเมดทั่วโลกมากมาย เราประสบความสำเร็จในการขยายและยกระดับบริการ สร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับความสำเร็จในอนาคต สำหรับปี 2566 เราเล็งเห็นโอกาสในการขยายตลาดที่มากขึ้น เช่น นักท่องเที่ยวชาวไทยจะได้รับประโยชน์จากการเดินทางที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น อาทิ การยกเว้นวีซ่าสำหรับการเดินทางไปจีน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 และระบบอีวีซ่าสำหรับการเดินทางไปแคนาดา นอกจากนี้ ด้วยเที่ยวบินตรงที่เพิ่มมากขึ้นสู่จุดหมายปลายทางที่เหมาะสำหรับครอบครัว เช่น มัลดีฟส์ บาหลี และลี่เจียง เรามีความพร้อมมากขึ้นในการตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์วันหยุดที่เหนือชั้น”