ปทุมธานี เครือข่ายการค้าธุรกิจอาหารและท่องเที่ยวห่วงรัฐ “เกาไม่ถูกที่” ขยายเวลาขาย และแก้กฎหมายควบคุมน้ำเมา หวั่นภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ยื่น 9 ข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรี

ปทุมธานี เครือข่ายการค้าธุรกิจอาหารและท่องเที่ยวห่วงรัฐ “เกาไม่ถูกที่” ขยายเวลาขาย และแก้กฎหมายควบคุมน้ำเมา หวั่นภาพลักษณ์การท่องเที่ยว ยื่น 9 ข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรี

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายกสมาคมการค้าธุรกิจอาหารและ 32 องค์กร เข้ายื่นหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและธุรกิจอาหารที่ปลอดภัยทบทวนการแก้กฎหมายการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ “ข้อสรุป 9 ข้อ จากที่ประชุม เครือข่ายการค้าธุรกิจอาหารและการท่องเที่ยว มีข้อเสนอที่ขอให้รัฐบาลนำไปพิจารณาดังนี้ (1)รักษาจุดยืนการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์ ปลอดภัย เน้่นวิถีวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ซึ่งเป็นจุดเด่นของประเทศเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (2)บังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ยุติธรรมและเท่าเทียม ควบคุมการขายสุราอย่างเข้มงวด ป้องกันผลกระทบจากการดื่มแล้วขับ กำหนด Zoning ให้ชัดเจน (3)พัฒนาความรับผิดชอบของผู้ประกอบการในการขาย เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนดื่มแล้วขับลงสู่ท้องถนน (4)เร่งพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ ส่งเสริมธุรกิจขนส่งสาธารณะบน Platform Online ให้ครอบคลุม ทั้งพื้นที่เมืองและชนบท เพื่อพาคนดื่มเดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

(5)ตั้งคณะทำงานศึกษาวิจัยผลกระทบที่จะมีต่อสังคมก่อนตัดสินใจขยายเวลา และผลสืบเนื่องจากนโยบายลดทอนการควบคุมสุราอย่างรอบคอบ (6)ส่งเสริมงานเทศกาลอาหารปลอดภัย ไม่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากกว่า เนื่องจากไม่ต้องกังวลเรื่องทะเลาะวิวาทและอุบัติเหตุ อาทิ จัดให้มี Big Event/งาน Expo ด้านการท่องเที่ยวหรืออาหาร ยกระดับสตรีทฟู้ด ฮาลาล สมุนไพร อาหารเพื่อสุขภาพ สร้าง Signature เมนูอาหารท้องถิ่น สร้าง Brand มิชลินไทยแลนด์ จัดให้มีปฏิทินท่องเที่ยว-อาหาร 12 เดือนทุกจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ไปทั่วโลก สร้างประสบการณ์ผ่าน Food Tourism (7)พัฒนาจุดแลนด์มาร์คกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน เพื่อกระจายรายได้ถึงชุมชน (8)สร้างข้อตกลงร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ผู้ประกอบการและชุมชนในพื้นที่ ในการอยู่ร่วมกันด้วยการเคารพวิถีวัฒนธรรม ให้มีกลไกจัดการร่วมกรณีมีเหตุเดือดร้อนรำคาญเกิดขึ้นในพื้นที่ (9)พิจารณาแนวทางการเก็บภาษีเฉพาะเพิ่มเติม สำหรับผู้ใช้บริการสถานบันเทิงเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด และนำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาประเทศ


ดร.วิฑูร อินทจันท์ นายกสมาคมการค้าธุรกิจอาหาร กล่าวว่า เห็นด้วยกับนโยบายด้านการสนับสนุนการท่องเที่ยวและการเป็นศูนย์กลางอาหารโลกของรัฐบาล แต่วิธีปฏิบัติในการส่งเสริมธุรกิจโดยเฉพาะต่อชุมชนนั้น พวกเราเห็นว่ายังไม่ตอบโจทย์เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นกิจกรรมของคาราวานสินค้าที่นำสินค้าจากที่อื่นมาขายหรือการใช้ออกาไนซ์เซอร์จัดงาน ทำให้ผู้ประกอบท้องถิ่นไม่ได้รับประโยชน์ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจอาหารในท้องถิ่นต่าง ๆ ทำกิจกรรมตามเทศกาลเป็นหลักและประชาสัมพันธ์ร้านค้าในชุมชน ให้รับรู้มากกว่าจะเน้นร้านที่ดังอยู่แล้ว นอกจากนั้น การส่งเสริมวงจร supply chain จากเกษตรกรตรงสู่ร้านอาหาร รวมทั้งมาตรฐานร้านอาหารที่ปลอดภัยจะต้องเร่งให้เกิดการยอมรับมากยิ่งขึ้น เพราะอาหารไทยขึ้นชื่ออยู่แล้ว แต่ต้องเน้นย้ำเรื่องความสะอาด ปลอดภัยและส่งเสริมสุขภาพมากยิ่งขึ้น การขายเหล้าเบียร์ในร้านอาหารนั้น ทุกวันนี้กลายเป็นค่านิยมและรับรู้กันแล้วว่าขายได้ในช่วงเวลาไหน และไม่ได้ส่งผลต่อการขายอาหารเพราะได้ทำมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการขยายเวลาน่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจผับบาร์ และร้านสะดวกซื้อมากกว่า หากรัฐบาลจะเอาจริง ๆ ต้องตอบให้ได้ว่าจะป้องกันผลเสียที่เกิดขึ้นได้อย่างไร จะเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร และร้านค้าที่ขายจะมีส่วนรับผิดชอบต่อลูกค้าอย่างไร“

ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน