สงขลา-ศาลสงขลาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต คดีฆ่าชิงทรัพย์เด็กนักเรียน ม.5 พร้อมชดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่โจทก์ จำนวน 2.1 ล้านบาท

สงขลา-ศาลสงขลาตัดสินจำคุกตลอดชีวิต คดีฆ่าชิงทรัพย์เด็กนักเรียน ม.5 พร้อมชดใช้ค่าสินไหม ทดแทนแก่โจทก์ จำนวน 2.1 ล้านบาท

 

สืบเนื่องจาก ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สมัยนั้น พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายประถม เอียดขาว อายุ 49 ปี หรือ บังหมัด กงหรา ที่อยู่ ม.6 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง ตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.68/2564 ลงวันที่ 28 ก.พ.64
โดยถูกตำรวจชุดสืบสวนนำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส. ภ.9, พ.ต.อ.ธนวัต เส้งสุย ผกก.สส.ภ.จว.สงขลา, พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส.2 บก.สส. ภ.9 ,พ.ต.ท.เอกภพ มุสิกปักษ์ รอง ผกก. สส.ภ.จว.สงขลา ตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในพื้นที่ ม.6 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง เมื่อ 28 ก.พ.64 หลังใช้เวลาสืบสวนเพียง 26 ชั่วโมง จนได้ตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมตรวจยึดของกลางรวม 6 รายการ ประกอบด้วย

รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรล่า สีเทา ทะเบียน กง 856 ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 1 คัน ซึ่งใช้ขับติดตามและเฉี่ยวชนให้ผู่ตายตกข้างทาง ,เงินสด จำนวน 1,300 บาท ของผู้ตาย,เหล็กขันเปลี่ยนล้อรถ ยาวประมาณ 10 นิ้ว จำนวน 1 อัน ที่ใช้ทุบตีผู้ตาย , กางเกงขาสั้น แบบสามส่วนมีกระเป๋าด้านข้างขา สีครีม จำนวน 1 ตัว ,กางเกงกีฬาสีน้ำเงินแถบขาวแดง จำนวน 1 ตัว ซึ่งเป็นชุดสวมใส่ขณะก่อเหตุ และเสื้อคลุมแขนยาว แบบมีฮู้ดคลุมศรีษะ สีแดง จำนวน 1 ตัวซึ่งเป็นเสื้อของน้องนิหน่าที่สวมใส่ในคืนเกิดเหตุและได้ลักเอาไปเช็ดคราบอสุจิและนำไปทิ้งริมถนนตรงข้าม รร.ศิริวรรณวลี รัตภูมิ โดยแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหาคือ “ ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุมหรือรับของโจร, และฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ”


พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภาค 9 (ขณะนั้น) เปิดเผยว่า ในชั้นการจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าน้องนิหน่าเพียงคนเดียว โดยการขับรถเก๋งเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า จนตกคูน้ำกลางถนน แล้วลงไปชกหน้าท้อง 3 ครั้ง ก่อนลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ 1 ครั้ง แล้วชิงเอากระเป๋าสะพายของน้องนิหน่าพร้อมเงินสด 1,300 บาท จากนั้นได้ใช้เหล็กสำหรับใช้เปลี่ยนล้อรถที่เตรียมมา ตีที่ใบหน้าของน้องนิหน่า 2-3 ครั้ง จนเสียชีวิต แล้วได้นำรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า มาทับศพของผู้ตายบริเวณใบหน้าและลำตัวท่อนบน เพื่อทำให้ดูว่า เป็นการเกิดอุบัติเหตุรถตกคูเสียชีวิต และยังได้ถอดเสื้อแจ็คแก็ตสีน้ำตาลของน้องนิหน่าที่สวมใส่อยู่ เอามาเช็ดน้ำอสุจิของตนเอง แล้วนำไปทิ้งในพื้นที่ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา และล้างคราบเหล็กที่ใช้ตีเก็บไว้ในช่องเก็บของหลังเบาะนั่งข้างคนขับ

การสืบสวนคลี่คลายคดีนี้ พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง รอง ผบก.สส.ภ.9พร้อมด้วย ชุดสืบสวนจาก 3 หน่วยทั้งชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา ชุดสืบสวนกองบังคับการสืบสวนภาค 9 และชุดสืบสวน สภ.บางกล่ำ กว่า 30 นาย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยเฉพาะการแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดทำให้ทราบเบาะแสของรถต้องสงสัยและคนร้าย เริ่มจากเบาะแสสำคัญของคดีนี้ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดภายในปั้มน้ำมันแห่งหนึ่ง ริมถนนสายเอเชีย พื้นที่ ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ ซึ่งอยู่ก่อนถึงจุดเกิดเหตุราว 3กิโลเมตร โดยรถเก๋งคันนี้เป็นรถยี่ห้อโตโยต้า โคโรล่า สีบรอน ทะเบียน กง 856 ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขับเข้ามาจอดเติมน้ำมันในปั้ม ในเวลา 00.22 น. คืนวันที่ 27 ก.พ. และน้องนิหน่าก็แวะเติมน้ำมันที่ปั้มนี้เช่นกัน ซึ่งตอนนั้นยังสวมใส่เสื้อฮู๊ดและล้วงเงินในกระเป๋ามาจ่ายค่าน้ำมัน โดยรถเก๋งคันนี้ขับออกไปก่อนเล็กน้อยและน่าจะไปดักรอ รวมทั้งภาพจากกล้องวงจรปิดที่เลยจุดเกิดเหตุมาเล็กน้อยพบว่ามีเพียงรถเก๋งคันนี้ขับมาคันเดียวโดยไม่มีรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า ขับตามมาแต่อย่างใด


หากเทียบเวลารถเก๋งคันนี้ก็ขับช้าผิดปกติมากเพราะจากปั้มน้ำมันมาถึงจุดที่มีกล้องวงจรปิดเลยมาอีกตัวใช้เวลาแค่ประมาณ 2 นาที แต่รถเก๋งคันนี้ใช้เวลาถึง 20 นาที จึงเป็นที่มาของขยายผลติดตามจับกุม เมื่อเปรียบเทียบภาพชายที่ขับรถยนต์เก๋งคันนี้ จากภาพในกล้องวงจรปิด กับภาพบัตรประชาชนของนายประถม พบว่ามีลักษณะตำหนิรูปพรรณ หน้าตาเหมือนกันทุกประการ จึงเชื่อว่านายประถม เป็นคนร้ายในคดีนี้ รวมทั้งผลการตรวจ DNA จากซอกเล็บของผู้ตาย พบว่าตรงกับ DNA ของนายประถม ด้วยอย่างชัดเจน รวมทั้งรองเท้าแตะสีน้ำเงินที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ 1 คู่ ก็ตรงกับรองเท้าแตะในภาพกล้องวงจรปิดที่ชายขับรถเก๋งสวมใส่เหมือนกัน


จากการตรวจสอบประวัติของนายประถม พบว่า เคยต้องโทษคดีพรากผู้เยาว์อายุต่ำกว่า 15 ปี เพื่อการอนาจารฯ เมื่อปี 2545 ในพื้นที่ สภ.บางกล่ำ จ.สงขลา ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี โทษให้รองลงอาญา 2 ปี ปรับเงิน 5,000 บาท และจากการสอบสวนแรงจูงใจการก่อเหตุ นายประถม บอกว่า ตอนเกิดเหตุได้ไปดื่มเหล้ากับเพื่อนที่ อ.หาดใหญ่ ขากลับแวะเติมน้ำมันที่ปั้มและเห็นหญิงสาวคนนี้ขับรถเข้ามาเติมน้ำมัน จึงมีอารมณ์จึงก่อเหตุขึ้น
จากนั้น พ.ต.อ.ศักดาฯ ได้คุมตัวนายประถม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพบริเวณจุดเกิดเหตุ โดยมีการวางกำลังตำรวจนับร้อยนายมารักษาความเรียบร้อย เนื่องจากมีทั้งพ่อแม่ญาติพี่น้องเพื่อนและแฟนหนุ่มของน้องนิหน่า รวมทั้งชาวบ้านมารอดูการทำแผนเกือบ 200 คน ซึ่งการทำแผนเริ่มจากนายประถม ขับรถเบียดรถจักรยานยนต์ของน้องนิหน่า และชนจนตกร่องน้ำกลางถนน จากนั้นได้ลงไปชกหน้าท้องลงมือข่มขืนและใช้เหล็กตี และเอารถจักรยานยนต์ทับร่างอำพรางว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งช่วงการทำแผนผ่านไปด้วยดีใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ขณะที่ทำแผนเสร็จและจะนำตัวไปขึ้นรถตู้ปรากฏว่าญาติพี่น้องและชาวบ้านพยายามแหกวงล้อมของตำรวจเข้ามาทำร้ายนายประถม ด้วยความโกรธแค้น พร้อมกับสาปแช่งด่าทอด้วยความโกรธ แต่สุดท้ายตำรวจก็นำตัวนายประถม ขึ้นรถได้อย่างปลอดภัย
นายอนันต์ จันตุลา พ่อของน้องนิหน่า ซึ่งมาดูการทำแผนด้วยบอกว่าต้องการให้ประหารชีวิตคนร้ายหรือจำคุกตลอดชีวิต เพราะเคยก่อเหตุแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่งแต่ยังไม่สำนึกผิดยังมาก่อเหตุซ้ำสอง ซึ่งจิตใจโหดร้ายมาก
และเมื่อวันที่ 2 มี.ค.66 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดสงขลา อ่านคำพิพากษาว่า นายประถม เอียดขาว จำเลย มีความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเรียงกระทงความฺผิดไป คือฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ ลงโทษประหารชีวิต ,ฐานชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ลงโทษประหารชีวิต แต่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ
ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้ คงจำคุกตลอดชีวิต ฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยใช้ยานพาหนะคงจำคุกตลอดชีวิต และให้ริบของกลาง และให้จำเลยคืนกระเป๋าสะพายหรือชดใช้ราคาทรัพย์ให้แก่โจทก์ และ ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ จำนวน 2.1 ล้านบาท
สำหรับคดีนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามฝ่ายบิดามารดาน้องนิหน่า ที่เสียชีวิต รู้สึกพอใจกับคำพิพากษาของศาล จว.สงขลา ที่ลงโทษประหารชีวิต จำเลย แม้ศาลจะลดโทษให้จำเลย เหลือจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากจำเลยเคยรับสารภาพชั้นจับกุม และสอบสวนก็ตาม ทำให้รู้สึกว่า ศาล จว.สงขลา สามารถเป็นที่พี่งให้ประชาชนชาวสงขลา ได้ ซึ่งบุตรสาวของฝ่ายผู้เสียชีวิตถูกทุจริตชน กระทำการย่ำยีบุตรสาว และยังฆ่าด้วยการทารุณโหดร้าย เป็นที่เกรงกลัวต่อชาวบ้านละแวกที่เกิดเหตุ หาก จนท.ตร.จับกุมตัวไม่ได้หรือไม่สามารถหาพยานหลักฐานมาดำเนินคดีได้ และขอขอบคุณ จนท.ตร.ชุดสืบสวนคลี่คลายคดี นี้ ที่ร่วมกันสืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตาม กม. และสามารถแสวงหาพยานหลักฐานมาดำเนินคดีกับคนร้ายจนดิ้นไม่หลุด ดังกล่าว ทั้งนี้ฝ่ายผู้เสียชีวิต ได้กล่าวชื่นชมทั้งน้ำตา

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา