สตูล บิ๊กโจ๊ก ลงพื้นที่จังหวัดสตูล ติดตามความคืบหน้าปัญหาเกาะหลีเป๊ะ

สตูล บิ๊กโจ๊ก ลงพื้นที่จังหวัดสตูล ติดตามความคืบหน้าปัญหาเกาะหลีเป๊ะ

วันนี้ 1 ก.พ.66 เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 66 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล และนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ร่วมกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมบังคับคดี อุทยานแห่งชาติตะรุเตา กรมธนารักษ์ กรมที่ดิน ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสตูล คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ร่วมกันลงพื้นที่บนเกาะหลีเป๊ะ เพื่อประชุมหารือ พร้อมติดตามความคืบหน้ากรณีปัญหาข้อพิพาทในที่ดินที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวเล เกาะหลีเป๊ะ กรณีการปิดกั้นเส้นทาง สาธารณประโยชน์ ซึ่งประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการปิดกั้นทางสัญจรในชุมชน ที่ชาวบ้านใช้สำหรับเดินทางไปโรงเรียน โรงพยาบาล สุสาน รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวสัญจรของนักท่องเที่ยว โดยมีชาวเลอูรักลาโว้ย ได้พากันมายืนถือป้ายเพื่อให้กำลังใจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ โรงแรมอนัญญา เกาะหลีเป๊ะ


สำหรับการประชุมสรุปผลการดำเนินงานแบ่งออกเป็นประเด็นย่อย ได้แก่ ประเด็นข้อพิพาทที่ดิน และประเด็นการปิดกั้นทางเดินเข้า-ออกโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ ซึ่งจากการลงตรวจแนวเขตของกรมธนารักษ์โดยรอบโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะและสถานีอนามัยเกาะหลีเป๊ะ พบว่ามีการบุกรุกเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวจริง เมื่อเทียบแผนที่เดิมจากการสำรวจเมื่อ พ.ศ. 2533 กับปัจจุบัน พ.ศ.2566 พบว่ามีการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ธนารักษ์ 5 ราย บริเวณโดยรอบพื้นที่โรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะ จำนวน 4 ราย และสถานีอนามัยเกาะหลีเป๊ะ จำนวน 1 ราย และเมื่อช่วงบ่าย (13.30 น.) วันนี้

นางแสงโสม หาญทะเล รักษาการผู้อำนวยการเกาะหลีเป๊ะ พร้อมด้วย นายเสรี พงศ์นฤเดช รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสตูล เข้าแจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรเกาะหลีเป๊ะ แล้ว โดยพนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ส่วนเรื่องข้อพิพาทปัญหาที่ดินบนเกาะ จากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศเช่นกัน ได้มีการแจ้งความผู้บุกรุกที่ดินเขตอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จำนวน 8 ราย ซึ่งอุทยานฯ เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ผู้บุกรุกที่ดินอุทยาน หากศาลมีคำสั่งให้ขับไล่แล้วหากผู้บุกรุกไม่ออกจากที่ดินของอุทยาน อุทยานจะดำเนินการขอศาลออกหมายบังคับคดีรื้อถอนโดยให้สำนักงานบังคับคดีจังหวัดสตูลปฏิบัติตามคำสั่งศาลต่อไป


จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และคณะเดินทางลงพื้นที่ไปยังจุดที่ติดตั้งป้ายประกาศให้ผู้บุกรุกออกจากพื้นที่เขตอุทยาน พร้อมให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้มีความคืบหน้าไปมาก หลังลงพื้นที่เมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา โดยจากการตรวจสอบปรากฎว่ามีการบุกรุกหลายจุด ซึ่งวันนี้ได้ยืนยันแผนที่ตรงกันแล้วตามมติที่ประชุม โดยใช้แผนที่ภาพถ่ายทางอากาศของกรมสอบสวนคดีพิเศษและของอุทยานฯ พร้อมส่งข้อมูลทั้งหมดให้กรมที่ดินแล้ว โดยมีท่าน ดร.ณฐภร โตประยูร ที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทย จะดำเนินการประสานเพื่อตั้งคณะกรรมการดำเนินการเพิกถอนในส่วนที่เกินที่งอกออกมา ส่วนข้อพิพาทที่เป็นประเด็นทำให้เกิดการร้องเรียนจนนำไปสู่เรื่องราวทั้งหมด คือ การสร้างประตูปิดทางเข้า-ออกโรงเรียนบ้านเกาะหลีเป๊ะนั้น เป็นความรับผิดชอบของกรมธนารักษ์ จะได้เรียกตัวผู้บุกรุกมาดำเนินคดีอาญาเช่นกัน

โดยเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตที่ผ่านมากว่า 30 ปี คณะทำงานชุดนี้จะใช้เวลาในการดำเนินการไม่นาน ต้องทำให้เห็นก่อนว่าใครบุกรุกใคร เอกสารทุกอย่างว่าไปตามเอกสารหลัก สาเหตุของปัญหาหากศึกษาดูพบว่าเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 เรื่อยมา ส่วนเรื่องของโรงแรมที่มีการก่อสร้างโดยไม่มีใบอนุญาตกว่า 100 แห่งบนเกาะ ที่ไหนไม่มีใบอนุญาตก็ต้องรื้อถอนให้หมด
ทั้งนี้ในส่วนเรื่องลำรางสาธารณะหากไม่แก้ไขน้ำก็จะท่วมเกาะ เกาะจะกลายเป็นเกาะขยะเหม็นไปทั้งเกาะเพราะไม่มีทางระบายน้ำ โดยพบแล้วว่ามีลำรางสาธารณะ 3 จุดจะได้รื้อถอนเพื่อให้มีทางระบายน้ำ ถ้าจะแก้ปัญหาเกาะหลีเป๊ะต้องแก้แบบครบวงจร โดยมุ่งเป้าในการแก้ปัญหาไปที่ฝ่ายปกครองที่ต้องจัดการแก้ปัญหานี้ให้ได้ หากไม่ได้ถือเป็นการละเว้น

นิตยา แสงมณี // ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำจังหวัดสตูล