ลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลรวบเอกชัยเชียงคำเจ้าของแอปพลิเคชั่นไลน์รับจำนำรถยนต์ลวงโลก

ลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลรวบเอกชัยเชียงคำเจ้าของแอปพลิเคชั่นไลน์รับจำนำรถยนต์ลวงโลก

ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. สั่งการ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมากในปัจจุบัน “ชุดลาดตระเวนออนไลน์”สืบสวนนครบาล IDMB ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนผู้เดือดจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 เวลา 18.30 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี , พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม รอง ผบก สส.บช.น. , พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ต.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ได้ร่วมกันจับกุมตัวนายเอกชัย คนึงคิด อายุ 26 ปี อยู่ที่ 231 หมู่ที่ 6 ตำบลร่มเย็น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยาผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 271/2564 ลงวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2564ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกง ”สถานที่จับกุมตัว บริเวณลานจอดรถ ภูผาทองอพาตเม้นท์ หมู่ 6 ทางคู่ขนาน ถนนพหลโยธิน ตำบล เชียงรากน้อย อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนนครบาล IDMB กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ทำการสืบสวนจับกุมตัวคนร้ายที่เป็นตัวการในการก่อเหตุใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อบัญชี “รับจำนำรถยนต์” ทักไปลวงผู้เสียหายซึ่งได้มีการไปโพสต์ประกาศตามหารถยนต์ส่วนตัวซึ่งหายไปเมื่อประมาณปี 2562 ในเพจซื้อขายรถยนต์มือสองต่างๆ พร้อมกับให้ข้อมูลติดต่อกลับไว้ เมื่อผู้ต้องหาเห็นโพสต์ประกาศตามหารถยนต์ของผู้เสียหาย จึงได้ใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ชื่อบัญชี “รับจำนำรถยนต์” ทักไปแจ้งกับผู้เสียหายว่ารถยนต์คันที่ผู้เสียหายตามหานั้น ณ เวลานั้นอยู่กับตนโดยเป็นรถที่มีคนนำมาจำนำและหลุดจำนำแล้ว ถ้าผู้เสียหายอยากได้รถคือให้ผู้เสียหายมาติดต่อรับด่วน โดยได้ให้ผู้เสียหายส่งเอกสารเกี่ยวกับรถคันดังกล่าวให้ แต่ต้องโอนเงิน จำนวน 75,000 บาท (โดยแบ่งเป็นเงินต้น 70,000 บาท และดอก 5,000 บาท) มาให้เพื่อรับรถคืน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินจำนวน 75,000 บาท ให้คนร้ายครบ คนร้ายจึงได้ทำการปิดกั้นการติดต่อกับผู้เสียหาย


นอกจากนี้ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ตลอดจนการซักปากคำรับสารภาพของผู้ต้องหายังพบข้อมูลว่า ณ ปัจจุบัน คนร้ายที่ถูกจับกุมยังมีพฤติกรรมสร้างบัญชีเฟซบุ๊กเข้าไปหลอกขายอาวุธปืนผิดกฎหมายในกลุ่มคนเล่นปืนกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่ม “ สมาคมคนรักปืน ” , กลุ่ม “ สมาคมคนรักอาวุธปืน V.1 ” กลุ่ม “ สหายคนรักปืน ” , กลุ่ม “ ชมรมคนรักลูกโม่ ” , กลุ่ม “ สมาคมคนรักGUN ” โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายก่อเหตุไปที่เพจที่มีจำนวนผู้สนใจติดตามจำนวนมาก และเป็นเพจมีความเคลื่อนไหวต่อเนื่อง โดยเมื่อกลุ่มเฟซบุ๊กเกี่ยวกับอาวุธปืนต่างๆ มีการโพสต์ภาพอาวุธปืนลงในเพจแล้วมีผู้สนใจลงโพสต์ข้อความว่าสนใจ หรือต้องการอยากได้ปืนที่โพสต์นั้น ผู้ต้องหาก็จะทำการโพสต์ต่อข้อความที่มีผู้สนใจนั้น พร้อมกับส่งแนบลิ้งคิวอาร์โค้ทไลน์เพื่อให้ผู้สนใจแอดเข้าไปพูดคุย ก่อนที่ผู้ต้องหาจะหลอกให้โอนเงินสั่งซื้อและปิดกั้นการติดต่อกับเหยื่อที่หลงเชื่อ


ที่ผ่านผู้ต้องหาก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาตั้งแต่ประมาณปี 2562 มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 30,000 – 50,000 บาทต่อเดือน โดยเงินที่ได้จากการก่อเหตุจะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเล่นพนันออนไลน์
ทั้งนี้ เมื่อปี 2560 ผู้ต้องหาที่ถูกจับเคยมีประวัติถูกจับกุมในข้อหา “ ฉ้อโกง ” (หลอกขายอาวุธปืนบีบีกัน) ท้องที่ สภ.สามชุก สุพรรณบุรี

พล.ต.ต.ธีรเดชฯ กล่าวเตือนภัยว่า ขอให้พี่น้องประชาชนทุกท่าน ตรวจสอบประวัติ ชื่อและเลขบัญชีธนาคารของผู้ขายทุกครั้งก่อนทำการโอน โดยสามารถตรวจสอบผ่านทางอินเตอร์เน็ตว่ามีชื่อหรือบัญชีธนาคารดังกล่าว แจ้งเตือนอยู่ในกลุ่มผู้หลอกลวงหรือไม่ หรือให้ถามความน่าเชื่อถือจากบุคคลที่เป็นที่ไว้วางใจในเพจเฟสบุ๊คหรือกลุ่มไลน์นั้นๆ เพื่อยืนยันก่อนทุกครั้ง ซึ่งการหลอกลวงลักษณะนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายเป็นเงินเท่านั้น แต่กลุ่มมิจฉาชะเหล่านี้อาจจะนำข้อมูลเอกสารสำคัญของผู้เสียหาย ไปใช้กระทำความผิดอื่นๆ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนทราบว่า หากท่านมีเบาะแสใด สามารถแจ้งมายังเฟซบุ๊ก เพจ สืบสวนนครบาล IDMB ได้ทันที