มุกดาหาร-อดีตกำนันดังเข้าขอขมาพระอาจารย์คำนวณ ฐิตญาโณ ต่อหน้าลูกษิตนับร้อยและรูปถ่ายน้องเจี๊ยบหลังผูกคอตาย

มุกดาหาร-อดีตกำนันดังเข้าขอขมาพระอาจารย์คำนวณ ฐิตญาโณ ต่อหน้าลูกษิตนับร้อยและรูปถ่ายน้องเจี๊ยบหลังผูกคอตาย

จากกรณีที่เป็นข่าวดังที่ จ.มุกดาหารในหลายปีที่ผ่านมา ว่ามี นางสาวกัญญาวีร์ หรือ น้องเจี้ยบ นามสมมุติ อายุ 26 ปี หายออกจากบ้านไปในช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ของคืนวันที่ 11 ส.ค. 2563 และ ทางญาติได้ออกตามหาจนไปพบรองเท้าอยู่ข้างห้วยซึ่งติดกับสำนักสงฆ์เทพนิมิตร ต.ดงเย็น อ.เมือง จ.มุกดาหาร แต่หัวหน้าสำนักสงฆ์ระบุว่าไม่พบตัว จนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ป่าไร่ จ.มุกดาหาร นิมนต์พระอาจารย์คำนวณ ฐิตญาโน หัวหน้าสำนักสงฆ์เทพนิมิตในขณะนั้น และผู้ที่อยู่ในสำนักสงฆ์ที่มีความสนิทสนมกับน้องเจี๊ยบ (นามสมมุติ) และ ผู้ปฏิบัติธรรมในสำนักสงฆ์ มาทำการสอบปากคำ ทำให้ตำรวจภูธร จ.มุกดาหาร ต้องตั้งชุดสืบสวนนำทีมค้นหากันจ้าละหวั่นแต่มาจึงได้เบาะแส และ ติดตามหาตัวจนพบน้องเจี๊ยบ (นามสมมุติ) บริเวณวัดเขาน้อยอภัย ต.หนองแวง อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งห่างจากบ้านไปร้อยกว่ากิโลเมตร

โดยน้องเจี๊ยบไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 63 ซึ่งมีนายวิชัย นามสมมุติ และ พี่ชาย ซึงเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ (นามสมมุติ) ญาติของน้องเจี๊ยบได้เปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชน (ให้สัมภาษ) กล่าวถึงสำนักสงฆ์เทพนิมิตรว่า มีการก่อตั้ง ช่วงปี 2536-2537 โดยให้สัมภาษต่อสื่อว่าซึ่งมีพฤติกรรมหลังจากมีการก่อตั้ง มีการทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินเข้าวัด แต่สิ่งที่ตนรับไม่ได้ คือการหลอกลวงชาวบ้าน ซึ่งชาวบ้านที่โดนหลอกก็ไม่มีใครกล้าพูด ทำให้ชาวบ้านเสื่อมศรัทธา ซึ่งปัจจุบันคนที่เข้าวัดส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านต่างถิ่น หรือชาวบ้านต่างจังหวัด เพราะชาวบ้านในพื้นที่ไม่นิยมเข้า แม้แต่พระในวัดเดินบิณฑบาต ยังไม่มีชาวบ้านใส่บาตรให้เลย ต่อมาทางฝ่ายกฎหมายของวัดและลูกษิต ได้เห็นข้อมูลข่าวที่นำเสนอออกไปนั้น ไม่เป็นความจริงจึงตั้งทีมทนายฟ้องร้องต่อ นายวิชัย นามสมมุติ และ พี่ชาย ซึงเป็นเจ้าหหหน้าที่รัฐ (นามสมมุติ) ในข้อหาหมิ่นประมาททำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงมีความเสียหาย และ อับอาย เพื่อความเป็นธรรมของทางสำนักสงค์จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ต่อมาวันที่ 17 ตุลาคม ศาลได้มีนัดสืบพยาน จำเลยทั้งสองได้กลับคำให้การจากปฎิเสธ เป็นการรับสารภาพในข้อกล่าวหานั้น โดย คู่ความทั้งสองฝ่ายแถลงร่วมกันว่า ได้เจรจาตกลงกันเกี่ยวกับการเยียวยาความ เสียหายแก่โจทก์ที่ ๑ แล้ว โดยจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ รับว่า จะเดินทางไปขอโทษโจทก์ที่ ๑ ที่ สำนักสงฆ์ป่าเทพนิมิตร ในวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๑ นาฬิกา ต่อหน้าลูกศิษย์ของโจทก์ที่ ทั้งนี้โจทก์ที่ ๑ จะจัดหาเจ้าพนักงานตำรวจหรือเจ้าหน้าที่หน่วยรัฐอื่น ๆ มาควบคุมความ ปลอดภัยในงานดังกล่าว โดยจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อาจพาเจ้าพนักงานตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ หน่วยงานรัฐอื่น ๆ ไปด้วยก็ได้ และในส่วนของฝ่ายโจทก์ก็ตกลงว่า จะไม่ร้องเรียน ฟ้องร้อง หรือ ดำเนินคดีกับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ เกี่ยวกับการกระทำในคดีนี้อีก และจะไม่นำเรื่องร้องเรียนจำเลย ที่ ๒ ต่อหน่วยงานของรัฐหรือผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ ๒ อันอาจจะกระทบต่อหน้าที่การงาน ของจำเลยที่ ๒ อีก ซึ่งในวันนี้ทาง นายวิชัย นามสมมุติ และ พี่ชาย ซึงเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ (นามสมมุติ)ก็ได้มาตามนัดโดยมีลูกษิตลูกหาของพระอาจารย์คำนวนกว่า 100 ชีวิตเข้าร่วมในการขอขมาต่อหน้ารูปศพของน้องเจี๊ยบหลังผูกคอตาย เมื่อวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา

หลังทางสำนักสงค์มีข้อมูลในการเขียนจดหมายของน้องเจี๊ยบก่อนจะผูกคอตายเพราะสาเหตุใด ด้านลูกษิตของวัดคนหนึ่งได้ให้ข้อมูลต่อทีมผู้สื่อข่าวว่าถ้าทาง พระอาจารย์คำนวณเป็นจริงดังข้อกล่าวหาว่า ทางสำนักสงค์ทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินเข้าวัด และมีการหลอกลวงชาวบ้าน และ ชาวบ้านเสื่อมศรัทธา ซึ่งปัจจุบันคนที่เข้าวัดส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านต่างถิ่น หรือชาวบ้านต่างจังหวัด เพราะชาวบ้านในพื้นที่ไม่นิยมเข้า แม้แต่พระในวัดเดินบิณฑบาต ยังไม่มีชาวบ้านใส่บาตรให้ นั้น ก็ให้อยู่รอดูวันพรุ่งนี้ วันที่ 22 ตุลาคม ตอนเช้าจะมีงานทอดกฐินประจำปีของสำนักสงค์เทพนิมิตให้รออยู่ดู ว่าจะเป็นดังที่กล่าวหาหรือไม่ ที่ว่าไม่มีชาวบ้านมาทำบุญตักบาตรในวัดนี้ ทีมข่าวจึงค้างที่จังหวัดมุกดาหารและกลับเข้ามาสังเกตุการตอนเช้าปรากฎว่ามีคณะลูกษิตลูกหาชาวบ้านไกล้เคียงรวมทั้งพี่น้องชาวลาวเข้ามาร่วมทอดกฐินในวัดกันอย่างล้นหูล้นตานับพันคนและรวมเงินกฐินกว่า 1.2 ล้านบาท กับอีก 250,000 กีบลาว