กกท.จัดยิ่งใหญ่ มอบ 66 รางวัลเชิดชูคนวงการมวย “บิ๊กป้อม” ผู้ขับเคลื่อนมวยไทยไปโอลิมปิก คว้ารางวัลผู้ทรงคุณูปการกีฬามวย

การกีฬาแห่งประเทศไทย จัดงานยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลในวงการกีฬามวย ครั้งที่ 10 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ยิ่งใหญ่และสมเกียรติ มอบ 66 รางวัล เพื่อแสดงความขอบคุณ และชื่นชม พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้กับคนบุคคลที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับวงการกีฬามวยไทยทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังในช่วงปี พ.ศ. 2563 และ 2564 โดย “บิ๊กป้อม” พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก ได้รับการเชิดชูเกียรติให้คว้ารางวัลผู้ทรงคุณูปการกีฬามวย ประจำปี 2563 ด้วย

เมื่อวันที่ 27 ก.ย.65 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในงานยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลในวงการกีฬามวย ครั้งที่ 10 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยมี พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.), ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ พร้อมด้วย ผู้บริหาร กกท. เจ้าหน้าที่ ผู้ช่วยปฏิบัติงาน กกท. ผู้บริหารค่ายมวย นักกีฬา กรรมการผู้ตัดสิน บุคลากรในวงการกีฬามวย และสื่อมวลชนให้เกียรติร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า 3 ปีที่ผ่านมา บางอย่างต้องหยุดชะงักไปเพราะโควิด-19 แต่งานกีฬากลับเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยได้เดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งมิติความเป็นเลิศและความเป็นอาชีพ ที่สำคัญการพัฒนาอุตสาหกรรมกีฬาทั้งระบบของประเทศไทยยังมีความก้าวหน้าทั้งในไทยและเวทีโลก โดยเฉพาะกีฬามวยไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องชื่นชมเป็นอย่างยิ่งสำหรับบุคลากรทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ยังเผยอีกว่า จากจุดเริ่มด้วยวิถีของการต่อสู้ พัฒนาเป็นกีฬา ต่อยอดเป็นศิลปะการต่อสู้อีกหลายแขนง สร้างสรรค์อุตสาหกรรมด้านอื่นๆให้คู่ขนานได้ด้วย จนเกิดการพัฒนาและมูลค่าทางเศรษฐกิจในมิติต่างๆ ให้กับประเทศไทย รวมไปถึงการเป็นหนึ่งใน “SOFT POWER” (ซอฟท์เพาเวอร์) ที่รัฐบาลมุ่งมั่นสร้างมวยไทย ให้เป็นผลผลิตทางวัฒนธรรมในระดับโลก ซึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากขาดบุคลากรผู้ทรงคุณค่าในการร่วมกันขับเคลื่อนมวยไทยให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ที่วางไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ท่านเป็นผู้ทุ่มเท เสียสละ และสนับสนุนกีฬามวยไทยมาโดยตลอด จนปัจจุบันมวยไทยได้รับการรับรองจากองค์กรกีฬาระดับโลก และแน่นอนเป้าหมายสำคัญของประเทศไทย คือ การบรรจุเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ซึ่งคณะกรรมการจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ในการมอบรางวัลผู้ทรงคุณูปการกีฬามวยอันทรงเกียรตินี้ให้แก่รองนายกรัฐมนตรี โดยวันนี้ได้รับเกียรติจากท่าน พลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นผู้แทนในการรับมอบรางวัล กระผมขอชื่นชม และแสดงความยินดีต่อผู้ที่ได้รับรางวัลในวันนี้ทุกท่าน และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนช่วยกันผลักดัน “มวยไทย” ให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น และเป็นกีฬายอดนิยมของผู้คนทั่วโลกอย่างยั่งยืนต่อไป”

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย เผยว่า กกท. ดีใจที่ได้เห็นการรวมพลังของบุคลากรในวงการมวยไทยในการผลักดันกีฬา “มวยไทย” ให้เจริญก้าวหน้า ซึ่งรัฐบาลโดย ฯพณฯ ท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยไปสู่โอลิมปิก ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนามวยไทยให้มีมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับในระดับการจัดแข่งนานาชาติ และที่ผ่านมาก็มีพัฒนาการทั้งในเชิงคุณภาพการจัดการแข่งขันและปริมาณการจัดการแข่งขันในระดับอาชีพและกีฬาเพื่อความเป็นเลิศทั้งในมหกรรม “เวิลด์เกมส์” โดยมีเป้าหมายสำคัญในการบรรจุกีฬา “มวยไทย” ในกีฬาที่่ยิ่งใหญ่สุดในโลกอย่าง “โอลิมปิกเกมส์”

“การกีฬาแห่งประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย และการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จึงขอใช้โอกาสนี้จัดงานมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลในวงการกีฬามวย ในช่วงปีระหว่าง พ.ศ.2563 และ พ.ศ. 2564 รวมทั้งสิ้น 66 รางวัล เพื่อเป็นการยกย่องชื่นชม แสดงการขอบคุณ เป็นขวัญและกำลังใจ ให้กับทุกท่าน”

สำหรับรางวัลในงานยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลในวงการกีฬามวย ครั้งที่ 10 ประจำปี 2563 มีดังนี้ รางวัลผู้ทรงคุณูปการต่อวงการกีฬามวย ได้แก่ 1.พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนกีฬามวยไทยสู่โอลิมปิก), 2..รางวัลผู้ให้การส่งเสริมสนับสนุนกีฬามวยดีเด่น แบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย รางวัลประเภทบุคคล ได้แก่ เอนก จิตตขจรเกียรติ (หนุ่ยกาแฟโบราณ) ส่วนประเภทองค์กร ได้แก่ บริษัท โตโยต้า เค.มอเตอร์ส ผู้จัดจำหน่าย จำกัด กับ บริษัท จี พี พี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และประเภทหน่วยงาน ได้แก่ โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา, 3. รางวัลหัวหน้าค่ายมวยดีเด่น ได้แก่ พ.ต.ท. สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ (ค่าย ส.เตชะพันธ์), 4. รางวัลผู้จัดการนักมวยดีเด่น ได้แก่ สุนทรี โลหะพืช (ค่ายมวยจิตรเมืองนนท์), 5.รางวัลผู้จัดรายการแข่งขันมวยดีเด่น ได้แก่ บุญธรรม ภาคโพธิ์ (ศึกเชฟบุญธรรม) 6.รางวัลนายสนามมวยดีเด่น ได้แก่ ธีรยุทธ หอประเสริฐกิจ, 7. รางวัลสื่อมวลชนดีเด่น ได้แก่ ชาคร ห่อวโนทยาน (ป๊อป ขุนส่า หนังสือสยามมวย), 8.รางวัลผู้เผยแพร่ศิลปะมวยไทยในต่างประเทศดีเด่น ได้แก่ ธนากร สอนดี (ดีเซลน้อย ช.ธนสุกาญจน์), 9. รางวัลผู้ฝึกสอนดีเด่น ได้แก่ รอฉาด เทพวารินทร์ (สะตอ เกียรติวิเชียร), 10.รางวัลผู้ตัดสินดีเด่น ได้แก่ วรศักดิ์ ภักดีคำ, 11. รางวัลปูชนียบุคคลกีฬามวยดีเด่น มีทั้งสิ้น 5 ราย ได้แก่ จรัสเดช อุลิต, ประนอม อัมพินย์, วิชิต ชี้เชิญ, รศ.ดร.ไพบูลย์ ศรีชัยสวัสดิ์ และ นริส สิงห์วังชา, 12. รางวัลผู้ทรงคุณค่ากีฬามวยดีเด่น สาขาการอนุรักษ์และเผยแพร่กีฬามวย ได้แก่ เสน่ห์ ทับทิมทอง, ชินวธ ศิริสัมพันธ์ และสาขาผู้ทรงคุณูปการต่อวงการกีฬามวย ได้แก่ ดร.สำราญ สุขแสวง (สำราญเดช ส.ด่านชัย) และ พล.ต. ศุภชัย ม่วงกรุง

13. รางวัลคู่มวยดุเดือดดีเด่น ได้แก่ไฟต์ระหว่าง เพชรสังวาลย์ ส.สมานการ์เม้นท์ ปะทะ ยอดเพชร ส.ปาร์คยิม, 14.รางวัลไหว้ครูมวยไทยสวยงามดีเด่นหญิง ได้แก่ จันทกานต์ มโนบาล (พญาหงส์ ส.สุทธิชัย) ส่วนดีเด่นฝ่ายชาย ศาสตรา ทองทศ (โผน พรัญชัย), 15. รางวัลนักมวยไทยอาชีพดาวรุ่งดีเด่นหญิง ได้แก่ นิราวรรณ ตังจิว หรือเสน่ห์จันทร์ ศักดิ์ชำนิ (สจ.โต้ง) ส่วนดีเด่นชายเป็นของ ศุภกิตติ์ อ่อนตา หรือฤทธิเดช ศิษย์เพชรฉลูกัณฑ์, 16.รางวัลนักมวยสากลสมัครเล่นหญิง ได้แก่ ส.ต.ต.หญิง ใบสน มณีก้อน ส่วนฝ่ายชาย ได้แก่ ส.ต.ต. ธิติสรรณ์ ปั้นโหมด

17.รางวัลนักมวยสากลอาชีพชาย ได้แก่ ปัญญา ประดับศรี หรือเพชรมณี ศ.จิตพัฒนา (ซีพีเอฟ) ส่วนฝ่ายหญิงไม่มีผู้เหมาะสม, 18.รางวัลนักมวยไทยสมัครเล่นหญิง ได้แก่ จุฬารัตน์ กระแสขันธ์ ฝ่ายชาย กฤษณะ พัดไสว, 19. รางวัลนักมวยไทยอาชีพดีเด่นหญิง พรกมล ทองเผือก หรือขวัญข้าว พ.เมืองเพชร ส่วนฝ่ายชาย เป็นของ วัชรพงษ์ จูชาวนา หรือก้องไกล เอ็นนี่มวยไทย,

ด้านรางวัลในงานยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลในวงการกีฬามวย ครั้งที่ 10 ประจำปี 2564 มีดังนี้ 1.รางวัลผู้ให้การส่งเสริมสนับสนุนกีฬามวยดีเด่น แบ่งเป็น 3 ประเภท ประกอบด้วย รางวัลประเภทบุคคล ได้แก่ นายนริส สิงห์วังชา ส่วนรางวัลประเภทองค์กร ได้แก่ บริษัท ท็อป คิงส์ บ็อกซิ่ง จำกัด ด้านรางวัลประเภทหน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้ศิลปะมวยไทยบ้านเชียงรากใหญ่ และ สมาคมสืบสานอนุรักษ์มวยไทยโลก, 2.รางวัลหัวหน้าค่ายมวยดีเด่น ได้แก่ พ.ต.ท. สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์, 3. รางวัลผู้จัดการนักมวยดีเด่น ได้แก่ นายอริยวัฎ บุษราบวรวงศ์, 4.รางวัลผู้จัดรายการแข่งขันมวยดีเด่น ได้แก่ นายณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ 5.รางวัลนายสนามมวยดีเด่น ได้แก่ นายธีระยุทธ หอประเสริฐกิจ
6.รางวัลสื่อมวลชนดีเด่น ได้แก่ นายภพธร รุ่งสมัย, 7.รางวัลผู้เผยแพร่ศิลปะมวยไทยในต่างประเทศดีเด่น ได้แก่ นายสุพันธ์ ชะใบรัมย์ และนายคึกฤทธิ์ กมลฤกษ์, 8.รางวัลผู้ฝึกสอนดีเด่น ได้แก่ นายร่อเฉด เทพวารินทร์, 9.รางวัลผู้ตัดสินดีเด่น ได้แก่ นายพงษ์พัฒน์ ว่องไว, 10.รางวัลปูชนียบุคคลกีฬามวยดีเด่น มีทั้งสิ้น 4 ราย ได้แก่ พลตรี อำนาจ การงาน, ดร.จตุชัย จำปาหอม, นายผจญ เมืองสนธิ์ และ นายนอง เสียงหล่อ, 11.รางวัลผู้ทรงคุณค่ากีฬามวยดีเด่น สาขาการอนุรักษ์และเผยแพร่กีฬามวย ได้แก่ นายชาญณรงค์ สุหงษา และ นายทรงชัย รัตนสุบรรณ 12. รางวัลคู่มวยดุเดือดดีเด่น ได้แก่ไฟต์ระหว่าง เสกสรร อ.ขวัญเมือง ปะทะ เพชรมหาชน จิตรเมืองนนท์, 13.รางวัลไหว้ครูมวยไทยสวยงามดีเด่นหญิง นางสาว รุจิรา วงษ์ศรีวอ ส่วนรางวัลไหว้ครูมวยไทยสวยงามดีเด่นชาย ได้แก่ นายศาสตรา ทองทศ, 14.รางวัลนักมวยไทยอาชีพดาวรุ่งดีเด่นหญิง ได้แก่ นางสาว พรกมล ทองเผือก ส่วนรางวัลนักมวยไทยอาชีพดาวรุ่งดีเด่นชาย ได้แก่ นาย ธนากร สมัน, 15.รางวัลนักมวยสากลสมัครเล่นหญิง ได้แก่ เรือตรีหญิง สุดาพร สีสอนสี ด้านรางวัลนักมวยสากลสมัครเล่นชาย ได้แก่ สิบเอก วุฒิชัย ยุระชัย 16.รางวัลนักมวยสากลอาชีพชาย ได้แก่ นายปัญญา ประดับศรี, ส่วนฝ่ายหญิงไม่มีผู้เหมาะสม, 17.รางวัลนักมวยไทยสมัครเล่นหญิง ได้แก่ นางสาว สมฤทัย สิริปทุม ส่วนรางวัลนักมวยไทยสมัครเล่นชาย ได้แก่ นายอนึ่ง คัฒมารศรี, 18. รางวัลนักมวยไทยอาชีพดีเด่นหญิง ได้แก่ นางสาว นิราวรรณ ตังจิว ส่วนรางวัลนักมวยไทยอาชีพดีเด่นชาย ได้แก่ นาย ลิขิต ตาปะโคน