ปทุมธานี พิธีมอบสิ่งของพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองปทุมธานี

ปทุมธานี พิธีมอบสิ่งของพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองปทุมธานี

เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 เวลา 09.00 น. ที่วัดชินวราราม วรวิหาร ตำบลบางขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นประธานในพิธีมอบสิ่งของพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอเมืองปทุมธานี โดยได้รับเมตตาจาก พระมงคลวโรปการ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดชินวราราม วรวิหาร เป็นประธานสงฆ์ โดยมี นายพงศธร กาญจนะจิตรา รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี พันเอกวินัย อภัยกุลชร รองผู้อำนวยการรักษาความั่นภายในจังหวัดปทุมธานี

พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี ชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดปทุมธานี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกเทศมนตรีตำบลบางขะแยง ปลัดเทศบาลตำบลบางขะแยง ผู้บริหารเทศบาลตำบลบางขะแยง และพี่น้องประชาชนหมู่ที่ 1 – หมู่ที่ 4 ตำบลบางขะแยง ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย รวม 242 ครัวเรือน ร่วมพิธี โอกาสนี้ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เปิดกรวยดอกไม้ธูปเทียนแพ ถวายราชสักการะหน้าพระรูป สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี และกล่าวสำนึกในพระกรุณาธิคุณ ความโดยสรุปว่า “ปวงข้าพระพุทธเจ้าต่างรู้สึกสำนึกในพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานความห่วงใยแก่พสกนิกรชาวจังหวัดปทุมธานีที่กำลังประสบสถานการณ์อุทกภัย

พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ราษฎรเพื่อใช้ในการประทังชีวิตในช่วงสถานการณ์อันทุกข์ร้อนนี้ อันเป็นขวัญกำลังใจในการดำรงชีวิตของพี่น้องประชาชน” จากนั้น นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ได้พบปะพี่น้องประชาชาวจังหวัดปทุมธานี พร้อมทั้งอัญเชิญพระดำรัสและความห่วงใยของสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี โดยกล่าวว่า “จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีของพวกเรา ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อล้นตลิ่งบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาและเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ ส่งผลทำให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนชาวตำบลบางขะแยงที่พักอาศัยริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณนอกคันกั้นน้ำ จำนวน 242 ครัวเรือน

โดยเมื่อความทราบฝ่าพระบาท สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน โดยได้พระราชทานสิ่งของ เครื่องอุปโภค บริโภค เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ยังชีพในสถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น พร้อมพระราชทานกำลังใจมายังพี่น้องประชาชนทุกคนให้สามารถผ่านพ้นอุทกภัยในครั้งนี้ในเร็ววัน นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ยังได้กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จังหวัดปทุมธานี ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนในเบื้องต้น ทั้งการจัดระบบชลประทาน ระบบระบายน้ำ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เป็นต้น พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะพิจารณาการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้กลับมา มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขโดยเร็ว ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัย ขอให้แจ้งมายังปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกเทศมนตรีตำบลบางขะแยง ปลัดเทศบาล หรือโทรศัพท์มายังสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ลงไปให้การช่วยเหลือโดยเร็วต่อไป


ด้านประชาชนพื้นที่หมู่ที่ 1 – หมู่ที่ 4 ตำบลบางขะแยง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ที่ได้รับพระราชทานเครื่องอุปโภค บริโภคในวันนี้ ต่างซาบซึ้งในน้ำพระทัยอันเปี่ยมล้นของ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงมีต่อประชาชน ผู้ทุกข์ร้อนมาโดยตลอด โดยสิ่งของพระราชทานที่ได้รับในวันนี้ ทั้งข้าวสาร อาหารแห่ง ผ้า ยารักษาโรค จะได้นำไปใช้ในการดำรงชีวิตในช่วงสถานการณ์อุทกภัย และจะได้นำความห่วงใยที่ได้พระราชทานมาในครั้งนี้ เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นสถานการณ์นี้ต่อไป

 

ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน