ยะลา-เบตง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา

เบตง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา ผลักดันการขับเคลื่อนการค้าการค้าชายแดน ส่งเสริมการลงทุนและการส่งออกผลไม้จังหวัดยะลาไปยังประเทศจีนและทั่วโลก

 


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 เม.ย.65 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะเดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนที่มูลนิธิอำเภอเบตง โดยมีนายกสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีนจำนวน 5 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมบำรุงบุญมูลนิธิ สมาคมฮกเกี้ยน สมาคมฮากกา สมาคมกว๋องสิ่ว และสมาคมปั้ตไกว๋ และตัวแทนพี่น้องประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับในโอกาสที่เดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา


ต่อมานายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมประชุมกับกลุ่มเซลล์แมนยะลา ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ในพื้นที่จังหวัดยะลา พร้อมด้วยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด หอการค้าจังหวัด ศอ.บต. ส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดยะลา เพื่อขับเคลื่อนการค้าการลงทุนและผลักดันการส่งออกสินค้าโดยเฉพาะผลไม้ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของพื้นที่สู่ตลาดในประเทศจีนและทั่วโลก ที่โรงแรมแกรนด์แมนดาริน อ.เบตง จ.ยะลา


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ภาคธุรกิจ หน่วยงานรัฐและเอกชน ได้มีข้อเสนอแนะและหารือร่วมกัน ใน 7 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การเสนอขอให้มีการผ่อนปรนผังเมืองยะลา ในการสร้างห้องเย็นสำหรับเก็บทุเรียนและผลไม้เพื่อการส่งออกได้สะดวกขึ้น เนื่องจากปัจจุบันห้องเย็นไม่เพียงพอต่อการรองรับผลผลิตที่มีมากถึง 30,000 ตันต่อปี
2.สภาอุตสาหกรรมจังหวัดเสนอขอให้ต่ออายุโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟโลน ออกไปอีก 5 ปี คือในปี 2566-2570 เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มสตาร์ทอัพ และSMEs ในพื้นที่ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ


3.แรงงานจังหวัดแจ้งความต้องการนำเข้าแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะแรงงานเมียนมา และกัมพูชา
4.การจัดงานวิ่งเทรลของอำเภอเบตง ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6-8 พฤษภาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีนักวิ่งจากทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 1,000 คน และนักท่องเที่ยวเข้ามา 3,000-5,000 คน โดยกระทรวงพาณิชย์จะเข้ามาร่วมจัดมหกรรมการค้าชายแดนและจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ผลิตสินค้าของจังหวัดชายแดนภาคใต้ กับผู้ซื้อในประเทศและต่างประเทศ ผ่านระบบออนไลน์


5.โครงการบำบัดน้ำเสียของเทศบาลเมืองเบตง เพื่อจัดการระบบน้ำเสียในพื้นที่ ซึ่งได้ทำ MOU ระหว่างองค์การจัดการน้ำเสียกับเทศบาลเมืองเบตงไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
6.การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอำเภอเบตง ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำชลประทาน โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะประสานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกรมชลประทาน เพื่อบรรจุโครงการดังกล่าวเข้าสู่แผนงาน และประเด็นสุดท้าย คือ เรื่องของอาคารด่านศุลกากรและด่านตรวจคนเข้าเมืองเบตง ที่ชำรุดทรุดโทรม ขณะนี้ทางด่านตรวจคนเข้าเมืองได้รับงบประมาณ 5.2 ล้านบาทเพื่อซ่อมแซมแล้ว ส่วนอาคารศุลกากรได้มีการประสานอธิบดีกรมศุลกากรให้ลงพื้นที่มาช่วยดูแล เพื่อดำเนินการในการรองรับนักท่องเที่ยวต่อไป


ซึ่งข้อเสนอและการขอรับการสนับสนุนทั้ง 7 ประเด็นจากผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ภาครัฐและภาคเอกชนที่ประชุมหารือร่วมกันในครั้งนี้ บางประเด็นได้มีการดำเนินการไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่บางเรื่องก็จะนำเข้าสู่การประชุมในระดับจังหวัดและระดับกรมที่รับผิดชอบต่อไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกฝ่ายมากที่สุด ซึ่งทุกประเด็นที่เสนอและหารือร่วมกันในวันนี้ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลประโยชน์ต่อการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้


รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องของการส่งออกผลไม้ โดยเฉพาะทุเรียนของจังหวัดยะลา ตลาดจีนยังเป็นตลาดใหญ่ที่ยังคงมีความต้องการทุเรียนจากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ขณะนี้ได้หารือกับทางการลาวในการขนสิ่งสินค้าทางบกผ่านประเทศลาว เพื่อร่นระยะทางในการขนส่งทางเรือ ขณะเดียวกันก็ยังคงเดินหน้าเปิดตลาดผลไม้ในประเทศอื่นๆทั่วโลกเพิ่มเติม เช่น ตลาดตะวันออกกลาง เป็นต้น ขอให้ทำทุเรียนให้ได้คุณภาพ เมื่อสินค้ามีคุณภาพส่งไปไหนก็ได้


จากนั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้เดินพบปะพ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง และได้เดินทางไปยังด่านพรมแดนเบตง ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ซึ่งในปี 2564 มีมูลค่าการค้าการค้าชายแดนถึง 6.3 ล้านล้านบาท โดยส่งออกไทยไปมาเลเซีย 3.5 ล้านล้านบาท ขณะที่ด่านเบตงมีการค้าชายแดนทั้งขาเข้าและขาออกมูลค่ารวม 3.6 พันล้านบาท ซึ่งด่านเบตงถือว่าเป็นด่านการค้าชายแดนที่มีมูลค่าสูงลำดับที่ 3 ของภาคใต้รองจากด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ จ.สงขลา


ปัจจุบันด่านพรมแดนเบตงเปิดดำเนินการเฉพาะส่งออกและนำเข้าสินค้า ส่วนการเปิดรับ นักท่องเที่ยวอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ศบค.ส่วนกลาง หลังจากที่ ศบค.ยะลา ได้เสนอขอเปิดด่านพรมแดนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ ซึ่งคาดว่าเมื่อเปิดด่านพรมแดนเบตงได้อีกครั้งทั้งการค้าชายแดน การลงทุนระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจภาพรวมของพื้นที่ก็จะฟื้นฟูและดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

ข่าว ธานินทร์ โพธิทัพพะ