กาฬสินธุ์-จังหวัดเต้นลงพื้นที่พบชาวบ้านแจง 7 ชั่วโคตร

รองผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่พบชาวบ้านแจง 7 ชั่วโคตร ขณะที่ ทนายให้ปากคำตร.เพิ่มคดี 157 ผช.ปชส.กาฬสินธุ์ เดินหน้าร้องฟันวินัยข้าราชการ

 

ปัญหาโครงการก่อสร้างท่อระบายน้ำ และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชีและลำน้ำพาน ของ กรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย จัดสรรงบประมาณให้ จำนวน 545 ล้านบาท ปรากฏผู้รับจ้างก่อสร้างไม่เสร็จแม้แต่โครงการเดียว จนถูกชาวบ้านประณามว่า โครงการ 7 ชั่วโคตร มีการตรวจสอบจากหลายองค์กร และ กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ประกาศเป็นผู้รับจ้างทิ้งงานไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2568 และ สตง.กำลังเร่งตรวจสอบทั้ง 8 โครงการตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานว่า โครงการ 7 ชั่วโคตร กลายเป็นกระแสหลักที่ชาวกาฬสินธุ์ยกขึ้นมาเป็นหัวข้อวิพากษ์วิจารณ์ทันที หลังจากที่ ส.ส.วิรัช พิมพะนิตย์ ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 1 พรรคเพื่อไทย ทำหน้าที่นำปัญหาการก่อสร้างไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้(20 มีนาคม 2568) ในช่วงของการหารือตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2562 ข้อ 24 ต่างพากันชื่นชมและมีความเชื่อมั่นว่าการทำหน้าที่ของ ส.ส.วิรัชฯ ในครั้งนี้จะนำพาความเปลี่ยนแปลงต่อการก่อสร้างได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และสนใจที่จะขอให้เร่งสรุปผลการตรวจสอบที่เชื่อว่าโครงการนี้มีความผิดปกติและส่อทุจริต

แหล่งข่าวในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า การอภิปรายของ ส.ส.วิรัช พิมพะนิตย์ (ส.ส.หมู) แม้จะเป็นการอภิปรายในเวลาสั้นๆแต่สิ่งที่ได้พูดออกมาในสภาผู้แทนราษฎร ถือว่าเป็นสาระสำคัญ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า “ส.ส.ไม่ใช่หมา” เพราะเชื่อว่า ไม่เฉพาะ ส.ส.วิรัชฯ แต่จะรวมไปถึง ส.ส.กาฬสินธุ์ พรรคเพื่อไทย ทุกคน ได้นำเสนอปัญหานี้ไปยัง กรมโยธาธิการและผังเมือง รวมถึงจังหวัดกาฬสินธุ์แล้ว แต่มีการโยนไปโยนมาและเหมือนจะทิ้งปัญหาให้เงียบๆไป แต่มาจนถึงขณะนี้เชื่อว่าเรื่อง 7 ชั่วโคตร คงจะไม่เงียบอีกต่อไป เพราะคนที่นั่งเป็นประธานสภา วันนั้นคือ ส.ส.พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน และ ท่าน ส.ส.พิเชษฐ์ฯ ก็เคยมาดูปัญหา 7 ชั่วโคตรที่กาฬสินธุ์ และรับปากว่าจะเร่งผลักดันให้เกิดการแก้ไข อีกทั้งการทำหน้าที่ของ ดร.ฉลาด ขามช่วง ประธานกรรมาธิการ ปปช.ฯ ก็เตรียมการที่จะสรุปประเด็น ส่งให้ ปปช. ดำเนินการตามหน้าที่ เชื่อว่ากระบวนการตรวจสอบกำลังเดินหน้าแต่ที่ช้าคงเป็นเพราะ บุคคลที่อยู่เบื้องหลังของ 2 หจก.นี้

 

มีรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ปปช.ฯ เดินทางไป ที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เข้าพบ พ.ต.ท.ชูชาติ อุทธิสินธ์ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี เพื่อให้ปากคำในคดีที่ได้แจ้งความกับ น.ส.นพวรรณ แก้วใส นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการชำนาญการ ประจำสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์

 

นายธเนตร ขามช่วง ทนายความฯ กล่าวว่า เป็นการทำหน้าที่ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ปปช.ฯ ได้แจ้งความในมาตรา 157 กับ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 การมาครั้งนี้เป็นมาให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ตามขั้นตอนการสอบสวน และต่อไปพนักงานสอบสวนฯ ก่อนที่จะเรียก ผู้ช่วยประชาชนสัมพันธ์ มารับทราบข้อกล่าวว่า ในทางคดีก็ยืนยันดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และเพื่อพิสูจน์หาความจริงว่าใครอยู่เบื้องหลังในการกระทำนี้ เพราะกรณีนี้เชื่อว่าต้องมีคนสั่งการให้ทำ หรืออาจจะกระทำการด้วยตัวเอง ตามระเบียบการปฏิบัติของข้าราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะงานประชาสัมพันธ์ จะเป็นการทำหน้าที่ให้กับภาครัฐเพื่อประโยชน์ของรัฐ แต่กลับมีพฤติการณ์ไปเกี่ยวพันกับเอกชน ที่กำลังถูก สตง. และ กมธ.ปปช.ฯ ตรวจสอบ ส่วนตัวตนจึงมองว่าคนที่อยู่เบื้องหลังกำลังคิดที่จะทำอะไรกันอยู่ นับจากนี้การดำเนินการนอกเหนือจากคดีจะมีการนำเรื่องนี้ไปร้องวินัยกับ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์จังหวัดกาฬสินธุ์ คนนี้ ให้ตรวจสอบในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ตามหลักธรรมาภิบาลด้วย

 

อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายวันเดียวกัน มีรายงานว่า ที่บริเวณจุดก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำพาน ต.ลำพาน อ.เมืองกาฬสินธุ์ มีรายงานว่า ได้มีผู้บริหารจังหวัดกาฬสินธุ์ นำคณะ โยธาธิการจังหวัดกาฬสินธุ์ ฝ่ายปกครอง เข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านเพื่อทำความชี้แจงเพื่อความเข้าใจถึงกระบวนการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในบริเวณดังกล่าว ที่มีรายงานว่าทุกโครงการกำลังคงรอการอนุมัติจาก กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังใหม่ ในการจัดหางบประมาณการก่อสร้าง แต่การชี้แจงในครั้งนี้ไม่มีใครตอบคำถามของชาวบ้านที่พยายามสอบถามว่า เมื่อผู้รับเหมาทิ้งงานไปแล้ว ภาครัฐจะสามารถเรียกเอาเงินคืนจาก ผู้ทิ้งงานทั้งสองนี้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามการเข้าพบปะพูดคุยก็ทำให้ชาวบ้านมีกำลังใจมากขึ้น ถึงแม้ที่ผ่านมาจะไม่เคยมาเลยแต่มาแล้วก็ดีใจ ที่เชื่อว่าเกิดจากทุกฝ่ายส่วนเรียกร้องให้มาดูแล ที่ชาวบ้านคาดหวังว่าการลงพื้นที่มาครั้งนี้ก็ให้นำปัญหาของชุมชนส่งต่อไปยังผู้บริหารสูงสุดที่สั่งการมาด้วยอย่างเพียงมาถ่ายรูปเพื่อรายงานข่าวเท่านั้น

apintotoapintotoAPINTOTOAPINTOTOAPINTOTOAPINTOTOAPINTOTOAPINTOTO