กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการด้านกิจการทหาร สรุปการเดินทางไปหารือข้อราชการกับ พลเรือตรี หวัง เจิ้ง ผู้ช่วยทูตทหารสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย
กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา ร่วมกับคณะอนุกรรมาธิการด้านกิจการทหาร สรุปการเดินทางไปหารือข้อราชการกับ พลเรือตรี หวัง เจิ้ง ผู้ช่วยทูตทหารสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย
เมื่อวันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2568 เวลา 09.00 -10.30 นาฬิกา ณ ห้องประชุมสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ นำโดย พลเอก สวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการ ว่าที่พันตรี กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สาม นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล เลขานุการคณะกรรมาธิการ และนางสาวนวลนิจ หงษ์วิวัฒน์ รองเลขานุการคณะกรรมาธิการ พร้อมด้วยอนุกรรมาธิการ และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ ได้ร่วมประชุมหารือข้อราชการกับ พลเรือตรี หวัง เจิ้ง ผู้ช่วยทูตทหารสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย พร้อมด้วยคณะผู้ร่วมหารือของฝ่ายจีน สรุปประเด็นสำคัญในการหารือข้อราชการ ดังนี้
1.การฝึกซ้อมร่วมกันของกองทัพไทยจีนกับกองทัพจีนซึ่งเน้นความร่วมมือด้านความมั่นคง
ในรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติ จะเป็นประโยชน์ต่อการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและการรักษาพยาบาลแก่ผู้บาดเจ็บโดยหน่วยทหาร รวมทั้งเป็นกิจกรรมที่จะนำมาซึ่งการกระชับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างกองทัพไทยและกองทัพจีนในโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ
2.ผู้ช่วยทูตทหารฝ่ายทหารของสาธารณรัฐประชาชนจีนแสดงความสนใจที่จะไปชมศูนย์ฝึกบรรเทาสาธารณภัยของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และเห็นด้วยสำหรับกิจกรรมความร่วมมือในอนาคต ด้วยการจัดการฝึกร่วมระหว่างกองทัพไทยกับกองทัพจีนทั้งการฝึกกู้ภัยพิบัติและการให้ความความช่วยเหลือด้านการแพทย์ทหาร ซึ่งรายละเอียดจะได้มีการหารือระหว่างหน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายจีนและฝ่ายไทยต่อไป
ข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการด้านกิจการทหาร
การฝึกกู้ภัยพิบัติและการให้ความความช่วยเหลือด้านการแพทย์ทหาร นอกจากจะสามารถขยายผลไปสู่ความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนแล้ว ยังจะขยายผลความร่วมมือด้านความมั่นคงไปสู่ประเทศอื่น ๆ ทั้งในอาเซียน และประเทศคู่เจรจาของอาเซียน เช่น สหรัฐอเมริกา โดยที่ประเทศไทยมีบทบาทนำในการประสานความร่วมมืออีกด้วย จึงเห็นสมควรรายงานกราบเรียนประธานวุฒิสภา และเรียนประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ทราบ เพื่อเป็นประเด็นในการหารือข้อราชการเกี่ยวกับการเสริมสร้างกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศสำหรับการประชุมในกรอบสมัชชารัฐสภาอาเซียน (AIPA) และการประชุมทวิภาคีของรัฐสภาไทยกับประเทศที่เกี่ยวข้องต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการและคณะอนุกรรมาธิการด้านกิจการทหารจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป