ปทุมธานี แม่และพี่สาวร่ำไห้ร้อง “ปวีณา” ลูกสาววัย 24 ปี แต่งงานไปอยู่กินกับสามีอดีตตำรวจหนุ่มชาว UAE ถูกสามีซ้อมทำร้ายและถูกแทงเสียชีวิตในรถยนต์ที่เมืองดูไบ
ปทุมธานี แม่และพี่สาวร่ำไห้ร้อง “ปวีณา” ลูกสาววัย 24 ปี แต่งงานไปอยู่กินกับสามีอดีตตำรวจหนุ่มชาว UAE ถูกสามีซ้อมทำร้ายและถูกแทงเสียชีวิตในรถยนต์ที่เมืองดูไบ
หลังไม่ยอมคืนดีและไม่ยอมถอนแจ้งความคดีที่สามีทำร้ายร่างกาย ครอบครัวยากจนขอช่วยนำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลไทย และขอน้ำใจคนไทยสมทบทุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายดำเนินการนำศพบินกลับสู่มาตุภูมิ ที่มูลนิธิปวีณาฯ เมื่อวันที่ 11 พ.ย.67 เวลา 12.00 น. นางประยูร อายุ 50 ปี และน.ส.จันทิมา อายุ 35 ปี แม่และพี่สาว เดินทางมาจาก จ.บุรีรัมย์ เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ขอความช่วยเหลือนำศพน.ส.อิสรตรี อายุ 24 ปี ลูกสาวกลับจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด
เนื่องจาก น.ส.อิสรตรี ถูกนายปีเตอร์ (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี สามีชาวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจ ทำร้ายร่างกายใช้มีดแทงจนเสียชีวิตภายในรถยนต์ของฝ่ายชาย หลังลูกสาวแจ้งความดำเนินคดีกับสามีเพราะถูกทำร้ายร่างกายหลายครั้งจนทนไม่ไหวต้องหนีไปอยู่บ้านญาติ ซึ่งฝ่ายชายคุกคามตามง้อขอคืนดีและขอให้ถอนแจ้งความแต่ไม่สำเร็จ เหตุเกิดที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุตำรวจดูไบได้จับกุมตัวสามีโหดดำเนินคดีแล้ว
น.ส.จันทิมา พี่สาว กล่าวว่า ก่อนหน้านี้น้องสาวไปทำงานนวดแผนไทยที่ดูไบและได้คบหากับนายปีเตอร์ ซึ่งเป็นอดีตตำรวจจนตกลงปลงใจแต่งงานกันวันที่ 2 ส.ค.67 โดยฝ่ายชายเดินทางมาทำพิธีแต่งงานที่บ้านจ.บุรีรัมย์ ต่อมาต้นเดือน ต.ค.67 ทั้งคู่ก็เดินทางกลับไปอยู่กินกันที่บ้านฝ่ายชายที่ราสอัลไคมาห์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พี่สาวกับแม่มาทราบภายหลังจากน.ส.สุทธิดา น้องสาวอีกคนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันซึ่งทำงานอยู่ที่ดูไบว่า หลังจากที่ทั้งคู่กลับไปถึงดูไบก็มีการทะเลาะซึ่งน้องสาวจะถูกสามีทำร้ายบ่อยครั้งจนต้องหนีมาอยู่กับน.ส.สุทธิดา ฝ่ายชายก็ตามมาง้อขอคืนดีและคุยกันได้ไม่นาน สามีก็ยังทำร้ายน้องสาวอีกโดยใช้เสื้อรัดคอภายในรถยนต์ น้องสาวทนไม่ไหวแจ้งความดำเนินคดีกับสามี
กระทั่งวันที่ 3 พ.ย. 67 เวลาประมาณ 20.00 น น้องสาวจะเดินทางไปพบทนายความเพราะพรุ่งนี้จะต้องขึ้นศาล แต่ฝ่ายชายรออยู่ข้างล่างคอนโดฯ และเรียกไปคุยกันในรถยนต์ของฝ่ายชาย ปรากฎว่าฝ่ายชายได้ทำร้ายร่างกายและใช้มีดแทงน้องสาวจนเสียชีวิตภายในรถยนต์ หลังเกิดเหตุตำรวจจับกุมตัวฝ่ายชายแล้ว ส่วนศพของน้องสาวยังต้องรอส่งไปชันสูตร ครอบครัวฐานะยากจนอยากจะรับศพของน้องสาวกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดจึงได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ
หลังรับเรื่อง นางปวีณา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน.ส.อิสรตรี กรณีนี้สาวไทยแต่งงานกับชาวต่างชาติและไปอยู่กินที่ดูไบ 2 เดือน ถูกสามีทำร้ายถึงกับเสียชีวิต ครอบครัวต้องขาดเสาหลักไปเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจยิ่ง ทั้งนี้จะได้ประสาน นายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์ อธิบดีกรมการกงสุล และนายอำนาจ พละพลีวัลย์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ เพื่อช่วยดำเนินการในขั้นตอนการส่งศพกลับมาไทย โดยวันนี้ได้มอบหมายให้ นายเอกภาพ หงสกุล ผอ.มูลนิธิปวีณาฯ พาญาติเดินทางไปติดต่อที่กองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุลเพื่อขอรับศพกลับไทย อย่างไรก็ตามต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางซึ่งครอบครัวก็ยากจนไม่มีกำลังพอ
จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนคนไทยที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วยสมทบทุนช่วยเหลือคนไทยด้วยกันที่ไปประสบเหตุร้ายในต่างแดนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการนำศพบินกลับสู่มาตุภูมิให้ครอบครัวได้ทำพิธีบำเพ็ญกุศล คนไทยไม่ว่าไปอยู่ที่ไหนทั่วโลกน้ำใจไม่เคยเหือดหาย หลายเคสที่มาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ จะได้น้ำใจคนไทยช่วยเหลือด้วยดีเสมอมา โดยหลังจากที่ได้กำหนดการส่งศพกลับไทยแล้วนางปวีณา จะได้ประสาน ผอ.การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่จ.บุรีรัมย์บ้านเกิดต่อไป
ภาพ/ข่าว ประภาพรรณ ขาวขำ/รายงาน