การฝึกผสมกองทัพบกไทย ร่วมกับ กองทัพบกเครือรัฐออสเตรเลีย รหัส Chapel Gold 2024
การฝึกผสมกองทัพบกไทย ร่วมกับ กองทัพบกเครือรัฐออสเตรเลีย รหัส Chapel Gold 2024
กองทัพบกไทย ร่วมกับ กองทัพบกเครือรัฐออสเตรเลีย จัดการฝึกผสมร่วมกัน ภายใต้รหัส “Chapel Gold 2024” เป็นประจำทุกปี สำหรับในปีนี้มีการฝึก ในช่วงวันที่ 7 – 10 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ จังหวัดเชียงราย เป็นการฝึกตามโครงการฝึกระหว่างหน่วยของกองทัพบกไทย กับกองทัพมิตรประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2560 – 2569 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถ และเพิ่มพูนทักษะในการปฏิบัติการทางทหารร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์การฝึกทางทหาร ตามหลักนิยมของทั้ง 2 ประเทศ รวมทั้งขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรม ระหว่าง 2 กองทัพ รวมถึงเพื่อกระชับความสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือทางด้านความมั่นคงระหว่างกองทัพบกไทย และกองทัพบกเครือรัฐออสเตรเลีย มีผู้เข้าร่วมการฝึกฯ จำนวน 540 นาย ประกอบด้วย ฝ่ายไทย จำนวน 416 นาย และฝ่ายเครือรัฐออสเตรเลีย จำนวน 124 นาย จาก The Australian Rifle Company Butterworth (RCB 144)
 
  กองทัพภาคที่ 3 ได้รับมอบหมายให้จัดกำลังพลในส่วนของการฝึกฯ ในครั้งนี้ โดยจัดจาก กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 17 ในพระองค์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี จำนวน 416 นาย เรื่องที่ทำการฝึก ประกอบด้วย 1) อาวุธศึกษา 2) การรักษาผู้ป่วยเจ็บในสนามรบ 3) การซุ่มโจมตีและต่อต้านการซุ่มโจมตี 4) การปิดล้อมตรวจค้น 5) การดำรงชีพในป่า 6) การลาดตระเวน 7) การเข้าและปฏิบัติในที่รวมพล 8) การต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ 9) การเข้าตีที่มั่นดัดแปลงแข็งแรง 10) การต่อสู้ระยะประชิด และ 11) การฝึกภาคสนาม ปัญหา 48 ชั่วโมง
 
  สำหรับการฝึกผสม Chapel Gold 2024 ถือเป็นการฝึกที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ระหว่างกองทัพบกไทย และกองทัพบกเครือรัฐออสเตรเลีย โดยถือเป็นความสำเร็จในการพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางทหารระดับยุทธวิธีร่วมกันทั้งสองกองทัพ และทั้งสองกองทัพจะได้นำไปประยุกต์ใช้ต่อการปฏิบัติการทางทหารที่เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับความร่วมมือในการฝึกผสมฯ ดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงกลาโหม ในด้านการสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศ ในการพัฒนาการฝึกผสมฯ กับมิตรประเทศอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของกองทัพไทย รวมถึงเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ในการสร้างผลประโยชน์ของชาติให้มั่นคงยิ่งขึ้นสืบไป
ปรีชา นุตจัรส รายงานข่าว