สงขลา-สองลุงป้าใช้พื้นที่ 1ไร่ 2 งาน ปลูกมะลิและพืชแบบผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม่แบบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9

สงขลา-สองลุงป้าใช้พื้นที่ 1ไร่ 2 งาน ปลูกมะลิและพืชแบบผสมผสานตามแนวทฤษฎีใหม่แบบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9

เต็มพื้นที่สร้างรายได้เก็บขายได้ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงใกล้วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหา ซึ่งจะต้องใช้ดอกมะลิเป็นจำนวนมาก ทางลูกค้าได้สั่งเข้ามาเยอะ ปีนี้เจอปัญหาภัยแล้งฝนทิ้งช่วงทำให้ผลผลิตออกมาน้อย อีกทั้งเพิ่งลงต้นมะลิชุดใหม่แทนชุดเก่าที่ถอนทิ้งไป จึงเก็บมะลิส่งให้ลูกค้าเท่าที่มีอยู่เท่านั้น
ที่ สวนเศรษฐกิจพอเพียง ลุงกัน-ป้าตุ้ย ของนายฉกรรจ์ กาเลี่ยง อายุ65 ปีหรือลุงกัน และนางพูนทรัพย์ กาเลี่ยง อายุ 62 ปี หรือป้าตุ้ย บ้านเลขที่ 99 ซอย 2 ถนนเก้าแสน (ชุมชนหลังโรงพยาบาลจิตเวช) เขตเทศบาลนครสงขลา อำเภอเมืองจังหวัดสงขลา ได้ทำการเช่าที่ดินบริเวณหลังบ้านพื้นที่ 1ไร่ 2 งาน ปลูกมะลิและปลูกพืชผักแบบผสมผสาน ตามแนวทฤษฎีใหม่แบบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 เต็มพื้นที่ ปลูกมะลิเกือบ 4,000 ต้น ใช้ระยะเวลาปลูก 45 – 60 วัน หลังจากปลูก ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้


สำหรับดอกมะลิเก็บทุกวันปรกติ วันละ 1 กก.ๆละ 500 บาท ส่วนในช่วงเทศกาลโดยเฉพาะวันแม่แห่งชาติที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ดอกมะลิซึ่งเป็นดอกไม้ที่ใช้เป็นสัญลักษณ์วันแม่แห่งชาติ ซึ่งจะต้องใช้เป็นจำนวนมาก ทางลูกค้าได้สั่งเข้ามาเยอะ แต่ทางสวนเจอปัญหาภัยแล้งฝนทิ้งช่วงทำให้ผลผลิตออกมาน้อย อีกทั้งเพิ่งลงต้นมะลิชุดใหม่แทนชุดเก่าที่ถอนทิ้งไป จึงจะเก็บมะลิส่งให้ลูกค้าเท่าที่มีอยู่เท่านั้น ในส่วนของราคาทางสวนมะลิของป้าตุ้ย คงยืนอยู่ที่ราคากก.ละ 500 บาท เนื่องจากได้มีข้อตกลงกันกับแม่ค้าที่มารับซื้อว่า ไม่ว่าดอกมะลิจะมีราคาขึ้นหรือลงอย่างไร ก็จะคงยืนราคาอยู่ที่ กก.ละ 500 บาท ตลอดไป

 
นางพูนทรัพย์ หรือป้าตุ้ย กาเลี่ยง บอกว่า แรงบันดาลใจที่มาปลูกมะลิ เริ่มต้นจากเมื่อตอนเล็กๆพ่อแม่เป็นเกษตรกรและเห็นว่า ดอกมะลิมีประโยชน์หลายอย่างแต่ต้องทำด้วยใจทำให้มีรายได้ พ่อแม่ก็เลยเริ่มต้นทำมาและได้มองการกระทำของพ่อกับแม่ที่สามารถส่งให้ลูกเรียนจนจบปริญญาได้ทุกคน หลังจากนั้นเมื่อมีครอบครัวเราก็ลองปลูกมะลิดู ก็เริ่มต้นปลูกมาตั้งแต่ปี 2539 เริ่มต้นใหม่ๆก็ล้มลุกคลุกคลานมาเรื่อยๆแต่ก็ไม่ท้อ โดยทำกันภายในครอบครัวไม่ได้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานไหนทำกันเองปลูกเล็กปลูกน้อย แล้วก็แปรรูปไปขายเอง บางครั้งก็ส่งเขาบ้างกับเพื่อนๆในวงการขายดอกไม้ด้วยกัน จนกระทั่งลูกเรียนจบปริญญาหมดทั้ง 3 คน ก็เลยทำกันสองคนตายาย ลูกก็มีงานทำแต่ก็มาช่วยบ้างเล็กๆน้อยๆแต่ 2 คนตายายก็ทำกัน
ตอนนี้ที่ลงดินประมาณเกือบ 4,000 ต้นแล้ว ที่กำลังพักอยู่ประมาณพันกว่าต้นทั้งหมดมี 3 แปลงตอนนี้ก็เก็บดอกมะลิขายทุกวันได้ผลผลิตยังไม่มากเพราะบางแปลงพึ่งลงต้นใหม่โดยถอนต้นเดิมทิ้งไปทั้งหมด แล้วลงต้นใหม่ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 45 – 60 วัน หลังจากปลูกก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เก็บได้ทุกวัน

 
ในช่วงวันแม่แห่งชาติที่จะต้องใช้ดอกมะลิเป็นจำนวนมาก ที่สวนก็เก็บส่งขายเท่าที่มีอยู่ให้กับลูกค้าประจำ แต่ก็ไม่มาก เนื่องจากปีนี้มีช่วงแล้งที่ฝนทิ้งช่วงมีผลกระทบกับต้นมะลิเป็นอย่างมาก ทำให้ดอกมะลิออกมาน้อยกว่าทุกปี อีกทั้งที่บ้านเปิดร้านขายดอกไม้อยู่ด้วย เราเก็บส่งทุกวันและก็แปรรูปขายด้วย โดยเก็บประมาณ 1 กิโลกรัม ก็ประมาณ 5,500 ดอก โดยขายในราคากิโลกรัมละ 500 บาท ตายตัว ไม่ขึ้นลงเหมือนกรุงเทพฯ เนื่องจากขณะนี้ดอกมะลิจากกรุงเทพฯกิโลกรัมละ 1,000 กว่าบาท

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา