กาฬสินธุ์ดราม่าจับสุนัขมัดขาเรียก5หมื่นกัดเป็ด 200 ตัวยันไม่ได้ทำร้ายวอนฟังความสองฝ่าย

กาฬสินธุ์ดราม่าจับสุนัขมัดขาเรียก5หมื่นกัดเป็ด 200 ตัวยันไม่ได้ทำร้ายวอนฟังความสองฝ่าย

 


ดราม่าจับสุนัขมัดขาผูกไว้กับเสาหลังบุกเข้าไปกัดเป็ดชาวบ้านกลางดง อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ตายเกือบยกเล้ากว่า 200 ตัว ด้านเพื่อนบ้านยืนยันไม่ได้ลากหรือทำร้ายสุนัข ระบุถูกกัดจึงมัดไว้รอเจ้าของมาเจรจา แต่กลับมาถ่ายคลิป วอนให้ความเป็นธรรมฟังข้อเท็จจริงทั้งสองฝ่าย ด้านเจ้าของสุนัขพร้อมชดใช้ต่าเสียหายตามความเป็นจริง ขณะที่ชาวบ้านเผยสุนัขออกมากัดสัตว์เลี้ยงบ่อยครั้ง ฝากเจ้าของเลี้ยงดูให้ดี เพื่อไม่ให้มาสร้างความเดือดร้อนอีก
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีเพจมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ โพสต์คลิปวีดีโอเป็นภาพสุนัขสีขาวถูกจับมัดขาล่วมไว้กับเสาเหล็ก พร้อมข้อความระบุว่า #ระทึกแต่เช้า_หมากัดไก่เจ้าของไก่ตีหมามัดไว้ขู่ฆ่าเรียกเงินห้าหมื่นบาท “จันทร์เจ้า” เป็นหมาไซบีเรียน อยู่บ้านโพธิ์ อำเภอเมือง กาฬสินธุ์ เช้านี้ ปีนรั้วออกไปกัดไก่ข้างบ้าน ซึ่งข้างบ้านเป็นคนที่ไม่ถูกกับใครเลย จึงทำร้ายหมาแล้วมัดแขนขาลากเอาไปขังไว้ ขู่จะฆ่าให้ตาย พร้อมเรียกเงิน 50,000 บาท พ่อไปขอร้องผู้ใหญ่บ้านช่วยเจรจา ลูกสาวประสาน WDT


WDT ประสานสภ.เมืองกาฬสินธุ์ ส่งตำรวจเข้าระงับเหตุ ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์เร่งด่วน หมากัดไก่ ไปเรียกร้องเอาที่เจ้าของหมา และเรียกร้องตามมูลค่าอันสมควรเหมาะสม เพราะถ้าขึ้นศาล ศาลก็ไม่ให้เกินความจำเป็นหรอกนะครับ ทำร้ายหมา ฆ่าหมาเป็นทารุณกรรมสัตว์ และเป็นอาญาแผ่นดิน โทษจำคุกไม่เกินสองปีปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ! รอตำรวจเข้าป้องปรามและช่วยเจรจาให้เป็นไปตามเหตุผลอันสมควรครับ ทั้งนี้หลังมีการโพสต์ภาพออกไปในโลกโซเชียลมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก บางคนมองว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ แต่ก็ยังมีอีกหลายคนอยากให้ฟังความและข้อเท็จจริง เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่ายด้วย
ล่าสุดผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านเลขที่ 172 บ้านกลางดง ม.10 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นบ้านเจ้าของสุนัข และได้พบกับนายธวัชชัย วรแสน อายุ 58 ปี เจ้าของบ้าน และเป็นเจ้าของสุนัข โดยนายธวัชชัย เล่าให้ฟังว่า สุนัขที่เห็นในคลิปชื่อว่า “จันทร์เจ้า” เป็นสุนัขเพศเมีย พันธุ์ไซบีเรียน เป็นของลูกสาว ซึ่งไปทำงานที่กรุงเทพฯ แต่ตนเองเป็นคนเลี้ยงและเปรียบเหมือนเจ้าของ ทุกวันๆจะไปปิดประตูบ้านไว้ เพราะกลัวว่าสุนัขที่เลี้ยงไว้มีทั้งหมด 3 ตัวจะออกไปข้างนอกไปกัดสัตว์เลี้ยงของเพื่อนบ้าน ซึ่งบ้านของตนก็มีรั้วรอบขอบชิด


นายธวัชชัย กล่าวต่อว่า วันเกิดเหตุช่วงเช้าของวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา สุนัขของตนได้กระโดดข้ามกำแพงออกไป ก่อนที่จะมีคนมาบอกว่า สุนัขจันทร์เจ้าถูกจับมัดขาไว้กับเสา เพราะไปกัดเป็ดเพื่อนบ้านที่อยู่เยื้องกันตายหลายตัว ตนจึงรีบไปดูก็เห็นภาพสุนัขถูกจับมัดขา ลากมามัดไว้กับเสาหน้าบ้าน และยังขู่ว่าจะฆ่าสุนัขทิ้ง พร้อมกับให้เอาเงินมา 50,000 บาท เป็นค่าเสียหาย และแลกกับการปล่อยตัวสุนัข ซึ่งในตอนนั้นตนไม่มีเงิน และบอกว่าจะหามาจ่ายทีหลัง ขอให้ปล่อยสุนัขก่อน และด้วยความสงสารจึงได้โทรศัพท์ไปบอกลูกสาว ก่อนที่ลูกจะประสานไปยังมูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ และตำรวจเข้ามาช่วยเจรจาก่อนจะยอมปล่อย และทราบว่าสุนัขของตนกัดเป็ดไป 34 ตัว ทั้งนี้หลังเกิดเหตุลูกสาวรีบพาสุนัข ไปหาหมอ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยอักเสบที่ขา
นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า เรื่องดังกล่าวตนยอมรับและเห็นใจเจ้าของเป็ด แต่ตนก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วตนก็พร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย แต่ต้องชดใช้ตามความเหมาะสมหรือตามมูลค่าความเสียหายจริง แต่ไม่ใช่จะไปทำกับสุนัขแบบนี้ และเรียกเงินมากถึง 5 หมื่นบาท ตนมองว่ามันแพงเกินไป ซึ่งทราบว่าทางฝั่งนั้นได้แจ้งความและยืนยันเรียกร้องค่าเสียหาย ซึ่งตนก็ยืนยันว่าพร้อมที่จะชดใช้ แต่ต้อง ชดใช้ตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าว ได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางสถิตย์ ถิตฤทธิ์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 ม.10 บ้านกลางดง ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นเจ้าของเป็ด เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย


โดยนางสถิต ยืนยันว่า วันเกิดเหตุไม่มีใครลากหรือทำร้ายสุนัข เพียงแต่ช่วยกันจับตัวไว้เพราะกำลังไล่กัดเป็ดในเล้าตายไปกว่า 200 ตัว ก่อนจะเอาขึ้นรถจยย.และมัดขาไว้ผูกกับเสาไว้ เพราะสุนัขกัดคนด้วย จากนั้นจึงไปเรียกเจ้าของสุนัขมาพุดคุย
นางสถิตย์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุช่วงเช้ามืดคนงานได้ยินเสียงเป็ดในเล้าที่เลี้ยงไว้ร้องจึงวิ่งไปดูก็พบว่ามีสุนัข 2 ตัวของนายธวัชชัย กำลังไล่กัดเป็ดตายจำนวนมาก จึงช่วยกันจับตัวสีขาวไว้ได้ ก่อนจะเอาขึ้นรถจยย.พร้อมกับแจ้งไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้มาดู แต่สุนัขกลับกัดที่แขนของสามี จึงต้องมัดขาและผูกกับเสาไว้ พร้อมกับไปเรียกเจ้าของสุนัขมาคุย ซึ่งทันทีที่นายธวัชชัย เจ้าของสุนัขมาถึงก็ไม่ได้สนใจหรือถามเรื่องความเสียหายเลย แต่กลับเอาโทรศัพท์ถ่ายคลิปทันที พร้อมกับแจ้งไปยังมูลนิธิวอชด็อกเลย และยังขู่ด้วยว่าจะเอาให้ติดคุก โดยที่ไม่ถามไถ่ความเสียหายเลยสักคำ ทั้งๆที่เราเป็นผู้เสียหาย แถมยังจะไปเรียกคนนั้นคนนี้มาคุย ตนจึงบอกไปว่าไม่ต้องเรียกมาตนเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท เพราะเป็ดตาย 200 ตัว


นางสถิตย์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าวันเกิดเหตุไม่มีใครลาก หรือทำร้ายสุนัข เพียงแต่จับมัดไว้เท่านั้น ซึ่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้ เพราะหลังจากปล่อยก็ลุกวิ่งตามเจ้าของไป อีกทั้งตนและครอบครัวก็เป็นคนรักสัตว์ ที่บ้านก็เลี้ยงสุนัข ลูกสาวยังเป็นสมาชิกของมูลนิธิวอชด็อก จึงอยากขอความเป็นธรรมกับมูลนิธิวอชด็อกด้วยก่อนลงข่าว หรือรายละเอียด ก็ควรสอบถามทั้งสองฝ่าย เพื่อความเป็นธรรม ไม่ใช่ลงข้อมูลฝ่ายเดียว จนตนเองและครอบครัวถูกด่าและถูกเข้าใจผิด อีกทั้งหากเจ้าของเลี้ยงดูแลสุนัขของตนเองดี ก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ซึ่งเท่าที่ทราบยังมีเพื่อนบ้านอีกหลายคนที่เป็ดและไก่ถูกกัดตาย ซึ่งต้องนึกถึงตรงนี้ด้วย ทั้งหลังจากนี้ตนก็ยืนยันที่จะเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท เพราะเป็ดเราก็เลี้ยงไว้ในเล้า และกว่าจะเลี้ยงโตมาได้เสียค่าใช้จ่ายไปไม่น้อย แต่กลับมาถูกกัดตายมากถึง 200 ตัว
ด้านนางไข เศษวงศ์ อายุ 75 ปี ชาวบ้านกลางดง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เป็ดพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และลูกเป็ดของตนก็ถูกสุนัขตัวนี้บุกเข้ามากัดตาย ซึ่งตอนนั้นได้ค่าเสียหายเพียง 800 บาท เพราะสามารถจับตัวสุนัขได้ นอกจากนี้ที่ผ่านมานกกระทากว่า 300 ตัวและ ไก่งวงของลูกชาย ก็ยังถูกสุนัขกัดตายไปจำนวนมากด้วย แต่ไม่เห็นตัวสุนัขที่กัดจึงไม่สามารถ เรียกร้องค่าเสียหายได้ แต่คาดว่าน่าจะเป็นสุนัขกลุ่มนี้ จึงอยากฝากถึงเจ้าของให้ช่วยดูแลให้ดีๆอย่าปล่อยให้หลุดมาสร้างความเดือดร้อนกับใครอีก เพราะสัตว์เลี้ยงทั้งเป็ด ไก่ และนกที่เลี้ยงไว้ของใคร ใครก็รักและอยากขายสร้างรายได้
***เสียงสัมภาษณ์*** 1.นายธวัชชัย วรแสน อายุ 58 ปี เจ้าของสุนัข 2.นางสถิตย์ ถิตฤทธิ์ อายุ 47 ปี เจ้าของเป็ด 3.นางไข เศษวงศ์ อายุ 75 ปี ชาวบ้าน
***วีดีโอ 2 คลิป***