เขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่งน้ำเข้าสู่คลองระบบชลประทาน และลำน้ำเดิม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรปลูกข้าวนาปรัง พืชไร่ บ่อกุ้ง การประมงในช่วงฤดูแล้งกว่า 260,000 ไร่ และพื้นที่ด้านท้ายรวมเฉลี่ยวันละกว่า 6 ล้านลูกบาศก์เมตร ด้านผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวย้ำปริมาณน้ำเพียงพอถึงหน้าฝน ขอทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดและให้คุ้มค่ามากที่สุด

วันที่ 4 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามการประกอบอาชีพเกษตรกรรมของประชาชนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ หลายพื้นที่ได้เริ่มลงมือเพาะปลูกข้าวนาปรังกันจำนวนมาก รวมทั้งเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามสัตว์เศรษฐกิจของจังหวัด และทำการประมง หลังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวหรือเขื่อนลำปาวเริ่มส่งน้ำช่วยเหลือมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวหรือเขื่อนลำปาว เปิดเผยว่า สำหรับเขื่อนลำปาวในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา สามารถกักเก็บน้ำ เพื่อสำรองไว้ใช้ประโยชน์ในช่วงหน้าแล้งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 1,755 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 88.65 % จากระดับกักเก็บ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร

นายสำรวย กล่าวต่อว่า ในส่วนการบริหารจัดการน้ำนั้น ได้เริ่มส่งน้ำช่วยเหลือเกษตรกรเพราะปลูกพืชฤดูแล้ง และการประมง รวมทั้งส่งลงลำน้ำเดิม ตามมติคณะกรรมการจัดการชลประทานมาตั้งวันที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา และมีการปรับเพิ่มตามสถานการณ์และความเหมาะ โดยปัจจุบันทางโครงการฯได้ส่งน้ำช่วยพื้นที่ปลูกพืชฤดูแล้ง 2566/2567 และช่วยเหลือพื้นที่ด้านท้าย ทั้งการระบายผ่านอาคารระบายน้ำ (สปริงเวย์) อาคารระบายน้ำลงลำน้ำเดิม ส่งน้ำเข้าระบบส่งน้ำคลองชลประทาน เฉลี่ยวันละ 5.77 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมพื้นที่ 256,457 ไร่

หรือคิดเป็น 85 % จากคาดไว้ว่าจะมีพื้นที่เพราะปลูก 300,000 ไร่ แยกเป็นข้าวนาปรัง 251,017 ไร่ พืชไร่ พืชผัก 278 ไร่ บ่อปลา 1,440 ไร่ และบ่อกุ้งก้ามกรามซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจ 3,722 ไร่
อย่างไรก็ตามแม้ในปีนี้เขื่อนลำปาวจะมีปริมาณน้ำเพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค และทำการเกษตรไปจนถึงช่วงฤดูฝน แต่ก็ขอให้เกษตรกรผู้ใช้น้ำ และประชาชนทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัดและให้คุ้มค่ามากที่สุด รวมทั้งใช้น้ำอย่างเอื้อเฟื้อแบ่งปัน