พิจิตร-ชาวนาพิจิตรนับร้อยหวั่นถูกโกงรวมตัวชุมนุมเหตุขายข้าวให้สหกรณ์การเกษตรนานข้ามปียังไม่ได้เงิน
ชาวนาพิจิตรสุดระทมทำนาแสนลำบากยากเข็ญถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวนำข้าวเปลือกไปขายให้สหกรณ์การเกษตรที่อยู่ใกล้บ้านหวังเป็นที่พึ่งส่งขายตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่ได้เงินไปถามสหกรณ์บอกรวมรวมผลผลิตไปขายให้โรงสี แต่โรงสียังไม่นำเงินมาจ่ายอ้างเหตุสภาพคล่อง สุดท้ายชาวนาสุดจะทนรวมตัวชุมนุมเรียกร้องให้เจ้าเมืองชาละวันดำเนินการช่วยด่วน แหล่งข่าวพ่อค้าข้าวในพื้นที่เผยโรงสีคนต่างถิ่นมาซื้อแพงไปขายถูกสุดท้ายจึงเป็นอย่างที่เห็น
https://youtu.be/-efMZW7syiY
 วันที่ 4 มกราคม 2567 ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอวังทรายพูน จ.พิจิตร มีกลุ่มชาวนาเกือบ 200 คน  มานั่งปักหลักชุมนุมกันเพื่อร้องทุกข์กับ นายอดิเทพ  กมลเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ที่เดินทางมาพร้อมกับ นายจอมชัย รอดทัดทาน สหกรณ์จังหวัดพิจิตร และส่วนราชการทีเกี่ยวข้อง โดยชาวนาในกลุ่มดังกล่าวร้องทุกข์ว่าพวกตนเป็นชาวนาอยู่ใน ต.วังทรายพูน ต.หนองปลาไหล ต.หนองพระ ต.หนองปล้อง ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพทำนาปลูกข้าวหอมมะลิ โดยเมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 ซึ่งเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวจึงเริ่มทยอยเกี่ยวข้าวและนำข้าวเปลือกไปขายให้กับสหกรณ์การเกษตรวังทรายพูนที่พวกตนเป็นสมาชิกและอยู่ใกล้บ้านที่สำคัญคือเคยค้าขายกันมานานนับสิบปีแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร โดย สหกรณ์การเกษตรวังทรายพูน ทำหน้าที่เป็นผู้ซื้อและผู้รวมรวมผลผลิต จากนั้นก็จะมีพ่อค้าหรือโรงสีต่างๆมาซื้อผลผลิตไป แต่ในปีนี้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นพวกตนที่เป็นชาวนาประมาณ 104 ราย ขายข้าวให้กับสหกรณ์การเกษตรวังทรายพูนตั้งแต่เดือน พ.ย. 66  กลับยังไม่ได้เงินเต็มจำนวน ไปทวงถามก็ถูกผลัดวันประกันพรุ่งไม่จ่ายให้เสียที ซึ่งก่อนจะสิ้นปีก็บอกว่าวันที่ 3 ม.ค. 67 จะทยอยจ่ายเงินให้วันละ 3 ล้านบาท ตามคิวก่อนหลังจนกว่าจะครบ 104 ราย  ยอดเงน 20.6 ล้านบาท แต่สุดท้ายก็นัดแล้วไม่มาชาวนากลุ่มนี้จึงได้มารวมตัวชุมนุมร้องเรียนร้องทุกข์กับ  นายวิศิษฎ์ มานะคิด นายอำเภอวังทรายพูน ซึ่งก็ได้รายงานปัญหาให้ ผู้ว่าฯพิจิตร ทราบ
 
   ทันทีที่รับทราบปัญหา นายอดิเทพ  กมลเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ก็ได้เดินทางมาเจรจากับชาวนาพร้อมทั้งพูดคุยกับผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรวังทรายพูน , สหกรณ์จังหวัดพิจิตร และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรวมถึงตัวแทนของโรงสีที่เป็นผู้รับซื้อข้าวไปจากสหกรณ์การเกษตรวังทรายพูน ซึ่งก็ได้ข้อสรุปว่าผู้ประกอบการโรงสีที่เป็นคู่ค้ากับสหกรณ์การเกษตรวังทรายพูนเกิดขาดสภาพคล่องและกำลังประสานขอสินเชื่อกับธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งจะมีคำตอบจากสถาบันการเงินว่าจะอนุมัติสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการโรงสีเพื่อให้ได้นำเงินมาจ่ายให้กับสหกรณ์การเกษตรวังทรายพูน แต่ถ้าเกิดขัดข้องโรงสีไม่มีเงินมาจ่าย สหกรณ์การเกษตรวังทรายพูน ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นผู้ซื้อข้าวจากชาวนาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่ง นายอดิเทพ  กมลเวชช์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร พูดเสียงดังฟังชัดว่า ชาวนาพิจิตรจะไม่ถูกโกงและจะต้องได้เงินจากการขายข้าวให้กับสหกรณ์ในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน โดยขอเอาตัวและตำแหน่งผู้ว่าฯพิจิตร เป็นเครื่องค้ำประกัน ซึ่งหลังจากชาวนาได้ยินคำยืนยันของ ผู้ว่าฯพิจิตร ต่างพึงพอใจและจะยอมอดใจรอฟังคำตอบในวันที่ 12 ม.ค. 67 อีกครั้งว่าจะได้หรือไม่ได้เงินในครั้งนี้อย่างไรต่อไป
 
 ในส่วนของ นายทองพล ทุ่งคำ อายุ 64 ปี อยู่ 51/3 หมู่ 6 บ้านตากแดด ซึ่งเป็นชาวนาทำนาปลูกข้าวหอมมะลิ 200 ไร่  ได้ผลผลิตเกือบ 200 ตัน ยอดเงินขายข้าวเปลือกหอมมะลิให้กับสหกรณ์การเกษตรวังทรายพูนกว่า 2 ล้านบาท เผยว่าขายข้าวไปตั้งแต่เดือน พ.ย. 66 ได้เงินมา 3-4 งวดแล้วยังเหลืองวดสุดท้ายอีก 6 แสนบาท  ก็ภาวนาว่าขอให้ได้เงินก้อนนี้มาด้วยเถอะเพราะมีหนี้สินหลายรายการที่ต้องไปใช้หนี้ เช่นเดียวกับ  นายประสิทธิ์  หรรณรัตย์ อายุ 65 ปี อยู่157 หมู่ 13 บ้านวังทรายพูน ต.วังทรายพูน อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร เล่าว่าทั้งครอบครัวทำนารวมๆกัน 200 กว่าไร่เช่นกัน ส่งข้าวเปลือกไปขายเมื่อวันที่ 26 พ.ย. 66 ยอดเงิน 2 ล้านกว่าบาท ได้มาแล้วครึ่งหนึ่งยังคงค้างอยู่อีก 1 ล้านบาทเศษ ก็ลุ้นว่าจะได้เมื่อไหร่ จะได้นำไปใช้หนี้ ธกส. และ ใช้หนี้ค่ารถเกี่ยวข้าวและจะได้เก็บไว้เป็นทุนทำนาในฤดูกาลต่อไป ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาขออย่างให้ชาวนาถูกโกงเลยเพราะแค่ทำนาก็เหนื่อยแสนเข็ญทุกข์ยากพออยู่แล้ว
 
  ในส่วนของ นายจอมชัย รอดทัดทาน สหกรณ์จังหวัดพิจิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ปัญหาของชาวนา อ.วังทรายพูน ที่นำข้าวเปลือกมาขายให้สหกรณ์การเกษตรวังทรายพูน ที่ทำหน้าที่และทำธุรกิจรวบรวมผลผลิตแล้วนำไปขายให้กับพ่อค้าโรงสี ดังนั้นเมื่อพ่อค้าโรงสีมีปัญหาก็ต้องเป็นหน้าที่ของสหกรณ์ที่จะต้องไปหาเงินมาจ่ายให้ชาวนาและต้องไปติดตามทวงถามเงินค่าข้าวเปลือกจากพ่อค้าโรงสีที่เป็นคู่ค้ากัน ดังนั้นงานนี้สหกรณ์ต้องรับผิดชอบ ส่วนเรื่องโรงสีคงเป็นหน้าที่ของสหกรณ์ที่จะต้องไปดำเนินการกันต่อไป แต่ในเบื้องต้นก็ยังเชื่อมั่นว่าโรงสีไม่มีเจตนาโกงเพราะค้าขายกันมานาน ส่วนชาวนาก็จะให้สหกรณ์การเกษตรวังทรายพูน ไปหาวิธีระดมเงินจำนวน 20.6 ล้านบาท   จากสถาบันการเงิน หรือ จากสถาบันสหกรณ์ ที่เป็นพันธมิตรเครือข่ายมาจ่ายให้กับชาวนาให้จงได้แน่นอน
   
  ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมซึ่งได้ข้อมูลมาจากแหล่งข่าว ซึ่งเป็นพ่อค้าท่าข้าวโรงสีในพื้นที่บอกว่า ตนเองคือคู่แข่งทางการค้ากับโรงสีที่มาจากต่างถิ่นแล้วไปตั้งจุดรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิจากสหกรณ์การเกษตรวังทรายพูน โดยพ่อค้าโรงสีที่มาจากต่างถิ่นรายนี้ซื้อข้าวแพงกว่าพ่อค้าท่าข้าวโรงสีในพื้นที่ ถึงตันละ 200-300 บาท จากนั้นพวกตนก็พบเจอพ่อค้าโรงสีที่มาจากต่างถิ่นรายนี้ก็นำข้าวเปลือกไปขายให้กับแหล่งรับซื้อรายเดียวกับพวกตนเรียกได้ว่าตั้งใจซื้อแพงแต่ยอมไปขายถูกก็ไม่รู้ว่าใช้ตรรกะตำราเรียนวิชาค้าขายมาจากสถาบันใด แต่สุดท้ายก็เกิดเหตุอย่างที่เป็นข่าวข้างต้น
สิทธิพจน์ พิจิตร