ผลสำรวจล่าสุดเผย แพทย์อินเดียเพียงร้อยละ 7 ทราบถึงความก้าวหน้าในการต่อต้านการสูบบุหรี่ ผลการวิจัยย้ำถึงการกําหนดนโยบายที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
ผลสำรวจล่าสุดเผย แพทย์อินเดียเพียงร้อยละ 7 ทราบถึงความก้าวหน้าในการต่อต้านการสูบบุหรี่
ผลการวิจัยย้ำถึงการกําหนดนโยบายที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพื่อทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
อุปสรรคสําคัญต่อความพยายามของประเทศอินเดียในการต่อสู้กับการเสพติดผลิตภัณฑ์ยาสูบคือการที่มีแพทย์เพียง 7% เท่านั้นที่ตระหนักถึงพัฒนาการล่าสุดของเทคนิคการต่อต้านการสูบบุหรี่ ผลการสํารวจโดย Indian Medical Academy for Preventive Health (IMAPH) ซึ่งใช้ข้อมูลจากการสํารวจแพทย์ที่มีประสบการณ์อย่างน้อยสามปีจำนวน 200 คน เผยให้เห็นการค้นพบที่น่าตกใจ
ในนิวเดลี มีแพทย์เพียงร้อยละ 7 ที่มีความตระหนักเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดในกลยุทธ์การต่อต้านการสูบบุหรี่ ซึ่งนับเป็นความท้าทายสําคัญต่อความพยายามของประเทศอินเดียในการต่อสู้กับการเสพติดยาสูบ โดยการศึกษาที่จัดทําโดยสถาบันการแพทย์อินเดียเพื่อการป้องกันสุขภาพ (IMAPH) ระบุว่า การศึกษาที่อ้างอิงจากการสํารวจแพทย์ที่มีประสบการณ์อย่างน้อยสามปีจำนวน 200 คนนํามาซึ่งสถิติใหม่
โรคหัวใจและหลอดเลือดกลายเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในผู้ป่วย ซึ่งพบอยู่ที่ร้อยละ 12 และเน้นย้ําให้เห็นถึงความจําเป็นและความเร่งด่วนสําหรับการแทรกแซงการต่อต้านการสูบบุหรี่ ศาสตราจารย์ Chandrakant S Pandav อดีตหัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชนที่ AIIMS-New Delhi ได้แสดงความกังวลโดยระบุว่า “การสํารวจให้ความกระจ่างเกี่ยวกับความสำคัญของแพทย์ในการจูงใจผู้สูบบุหรี่ให้เลิกบุหรี่ และเน้นย้ําถึงความจําเป็นในการเพิ่มความตระหนักรู้และการฝึกอบรมในการใช้กลยุทธ์เพื่อต่อต้านการสูบบุหรี่ เรียกได้ว่าผลการสํารวจนี้จุดประกายว่าเราจําเป็นต้องลดช่องว่างของการตระหนักรู้ของแพทย์ เพื่อต่อสู้กับอันตรายจากยาสูบอย่างมีประสิทธิภาพ”
ดร. M Wali ที่ปรึกษาอาวุโสด้านการแพทย์ของโรงพยาบาล Sir Ganga Ram ยังเน้นย้ําถึงความสําคัญของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ ที่จำเป็นต้องได้รับข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการเลิกบุหรี่ที่ถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน
เขากล่าวว่า “เรายังคงยึดประสิทธิผลเป็นหลักในการพิจารณาว่าควรแนะนำวิธีการต่อต้านการสูบบุหรี่ที่มีความจำเพาะในแต่แง่ของวัฒนธรรมและภูมิภาค ซึ่งชี้ห้เห็นถึงความจำเป็นของการจัดตั้งนโยบายที่อ้างอิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเป็นการติดอาวุธให้กับแพทย์ด้วยทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในการต่อสู้กับการเสพย์ติดบุหรี่ ดังนั้น แพทย์เองก็ควรติดตามพัฒนาการล่าสุดของวิธีช่วยเลิกบุหรี่ เพื่อที่จะให้คำแนะนำที่ดีที่สุดได้ สิ่งเหล่านี้จำเป็นต่อการควบคุมยาสูบที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งประสบความสำเร็จในการนำไปปรับใช้ในต่างประเทศ”
การศึกษายังชี้ให้เห็นว่า แพทย์ควรสอบถามอย่างจริงจังเกี่ยวกับการบริโภคยาสูบของผู้ป่วยทุกครั้งที่ นอกจากนี้ ทางเลือกใหม่ๆ เช่น บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ยาสูบแบบให้ความร้อน อาจมีบทบาทสําคัญในการทดแทนบุหรี่และการลดภาระการติดยาสูบในอินเดีย
ในฐานะประเทศที่มีผู้บริโภคยาสูบมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลกด้วยจำนวนกว่า 275 ล้านคน อินเดียต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่หลวง จากข้อมูลการสํารวจการบริโภคยาสูบในผู้ใหญ่ทั่วโลก (Global Adult Tobacco Survey) ระบุว่า มีเพียง 55.4% ของผู้สูบบุหรี่เท่านั้นที่เคยพิจารณาหรือตั้งใจที่จะเลิกบุหรี่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความจําเป็นเร่งด่วนสําหรับกลยุทธ์การต่อต้านการสูบบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดร. J Kumar ที่ปรึกษาทางการแพทย์ของ IMAPH เน้นย้ําถึงความจําเป็นเร่งด่วนสําหรับการต่อต้านการเสพติดยาสูบ “ด้วยจำนวนแพทย์เพียงร้อยละ 7 ที่ทราบถึงความก้าวหน้าในการต่อต้านยาสูบล่าสุด ตัวเลขนี้ส่งสัญญานไม่เพียงแต่ช่องว่างด้านความรู้ แต่ยังเป็นการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”
ดร. J Kumar พบว่าผลสำรวจนั้นเป็นเหมือนเข็มทิศที่ชี้ให้พัฒนาจากการตระหนักรู้ไปสู่การปฏิบัติจริง การให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพก่อนต้นทุน และการยอมรับวิธีการใหม่ๆ เช่น พฤติกรรมบำบัด สามารถช่วยลดช่องว่างและขับเคลื่อนแพทย์อินเดียไปสู่การเป็นแนวหน้าของยุคปลอดบุหรี่ของอินเดีย
ผลการวิจัยยังเน้นย้ำถึงความสําคัญของการกําหนดนโยบายที่อิงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมให้แพทย์นักวิจัยและบุคลากรทางการแพทย์สามารถแนะนําทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าได้
อินเดียจะสามารถก้าวไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการลดการบริโภคยาสูบลง 30% ภายในปี 2025 ได้ด้วยการตระหนักและแก้ไขปัญหาในเรื่องของกระตระหนักรู้และการผลักดันนโยบายที่มีประสิทธิภาพ
ที่มา: Only 7 pc doctors aware of recent advances in anti-smoking strategies: Study, ET HealthWorld (indiatimes.com)