กาฬสินธุ์5แรงงานถูกนายจ้างทิ้งลุ้นรอคิวกลับซ่อนตัวหลุมหลบภัยห่างจุดสู้รบ 10 กม.
กาฬสินธุ์5แรงงานถูกนายจ้างทิ้งลุ้นรอคิวกลับซ่อนตัวหลุมหลบภัยห่างจุดสู้รบ 10 กม.
ภรรยาแรงงานไทยในอิสราเอล ชาวอำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ ลุ้นรอวันที่สามีจะเดินทางกลับ เผยเป็นห่วงใจแทบขาด เพราะหลุมหลบภัยอยู่ห่างจากจุดสู้รบเพียง 10 กิโลเมตร มิหนำซ้ำนายจ้างยังเผ่นหนีตั้งแต่เกิดเหตุวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ต้องซ่อนตัวอยู่ในหลุมหลบภัยและอยู่อย่างอดๆอยากๆ กับเพื่อนคนงานไทยอีก 4 คน วอนรัฐบาลส่งตัวกลับบ้านเร็ววัน ขณะที่จัดหางานจังหวัดเผย มีแรงงานไทยชาวกาฬสินธุ์เดินทางกลับแล้ว 6 คน
จากกรณีเกิดเหตุการณ์สู้รบตามแนวฉนวนกาซา ประเทศอิสราเอลตอนใต้ ซึ่งมีแรงงานไทยเดินทางไปทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.66 ที่ผ่านมา มีแรงงานไทยบาดเจ็บ เสียชีวิต และถูกจับเป็นตัวประกันหลายคน ล่าสุด จากตัวเลขของศูนย์ช่วยเหลือแรงงาน-กระทรวงแรงงาน ระบุแรงงานไทยเสียชีวิต 29 ราย บาดเจ็บ 16 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 17 ราย ประสงค์เดินทางกลับ 7,936 ราย และยังไม่ประสงค์เดินทางกลับ 103 ราย
ล่าสุดวันที่ 19 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 4 หาดทรายมูล ต.พิมูล อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ นายสุปัน บุญมาพล นายก อบต.พิมูล พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรีสมานมิตร ญาณบุญ ปลัด อบต.พิมูล นายพิชัย ภูสง่า ผญบ.พิมูล หมู่ 7 นายถาวร โนนทิง ผญบ.หาดทรายมูล ม.4 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจและมอบเครื่องอุปโภค บริโภค ให้กับนางชาลินี เทพเหมือนไพร อายุ 37 ปี ภรรยานายวิไล เทพเหมือนไพร แรงงานไทยที่ไปทำงานในประเทศอิสราเอล
ซึ่งถูกนายจ้างทิ้ง หลังจากที่วันก่อน นายกิติภูมิชัย วงศ์สนิท นายอำเภอห้วยเม็ก และนางจิราภรณ์ แซ่จัน นักวิชาการแรงงานชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทนจัดหางาน จ.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงาน ได้ลงพื้นที่พบปะ ให้กำลังใจ และทราบว่านายวิไลมีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานไปที่สำนักปลัดกระทรวงแรงงาน เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งให้ความช่วยเหลือในการเดินทางกลับ แจ้งสิทธิประโยชน์ให้แก่นายวิไลและครอบครัวทราบแล้ว
โดยการการเยี่ยมยามและมอบถุงยังชีพ เพื่อให้กำลังใจครอบครัวนายวิไล แรงงงานในอิสราเอลครั้งนี้ นางชาลินีภรรยานายวิไล ยังได้วีดีโอคอลกับนายวิไล ซึ่งพบว่าปลอดภัย ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด และได้ติดต่อกับทางสถานทูตไทยตลอด และทางสถานทูตไทยแจ้งว่ากำลังดำเนินการให้การช่วยเหลือตามลำดับ ทั้งนี้ ทุกคนยังจึงได้ให้กำลังใจแก่นายวิไลและครอบครัว ให้อดทนรอ โดยให้ความมั่นใจว่าจะได้เดินทางกลับอย่างปลอดภัยในเร็ววันนี้
นางชาลินี กล่าวว่า นายวิไลสามีไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ 4 ปี แล้ว โดยไปทำงานในฟาร์มเกษตร จ่ายค่าเดินทางครั้งแรกประมาณ 150,000 บาท รายได้เดือนละ 30,000-50,000 บาท มีสัญญากับนายจ้าง 5 ปี 3 เดือน อยู่ห่างจากจุดสู้รบประมาณ 10 กม. แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่สงบ นายจ้างได้หนีไป ตั้งแต่เกิดเหตุวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ปล่อยให้นายวิไลสามีและเพื่อนคนงานไทยอีก 4 คน ซึ่งเป็นชาว อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร
ซ่อนตัวอยู่ในหลุมหลบภัยภายในบ้านนายจ้าง จะออกไปไหนก็ไม่ได้ เพราะกลัวจะได้รับอันตราย ขณะที่มีเสียงยิงขีปนาวุธของทั้ง 2 ฝ่ายดังอยู่บนท้องฟ้าบนหัวทั้งกลางวันกลางคืน อาหารที่ตุนไว้ก็เริ่มขาดแคลน ยังดีที่ยังติดต่อสถานทูตได้ ซึ่งตนและเพื่อนคนงานจะโทร.ถามสถานทูตตลอด เพื่อขอเดินทางกลับประเทศไทย แต่ทางนั้นก็บอกให้รอก่อน จึงยังไม่รู้วันที่จะได้เดินทางกลับ
นางชาลินี กล่าวอีกว่า 10 กว่าวันที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุ ตนแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วงสามี ก็หาโอกาสโทรศัพท์และวิดีโอคอลถามข่าวกันเป็นประจำ แต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพราะสถานการณ์ที่ประเทศอิสราเอลยังรุนแรง จะคุยกันนานก็ไม่ได้เพราะกลัวฝ่ายกลุ่มฮามาสจะจับสัญญาณโทรศัพท์ได้และบุกเข้ามายิง อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอขอบคุณนายอำเภอห้วยเม็ก ส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงาน นายก อบต.พิมูล และคณะ รวมทั้งเพื่อนบ้านทุกคน ที่มาถามข่าวคราวและให้กำลังใจตลอด ซึ่งตนเองก่อนนอนก็ได้แต่จุดธูปวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุณพระคุณเจ้า ปกปักรักษาคุ้มครองให้สามีปลอดภัย และได้คิวเดินทางกลับประเทศไทยในเร็ววัน
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของสำนักงานจัดหางาน จ.กาฬสินธุ์ มีแรงงานไทยใน จ.กาฬสินธุ์เดินทางไปทำงานในประเทศอิสราเอลทั้งหมด 230 คน เสียชีวิต 1 คน คือนายสมควร พันธ์สะอาด อายุ 39 ปี ชาว ต.ขมิ้น อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ และล่าสุดมีแรงงานไทยชาว จ.กาฬสินธุ์เดินทางกลับมาแล้ว 6 คน อยู่ในพื้นที่ อ.เขาวง 1 คน อ.นาคู 1คน ส่วนอีก 4 คนไปอาศัยอยู่กับภรรยาในต่างจังหวัด