ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบกรณีไม้พะยูของกลางมูลค่า 1 ล้านบาทหายจากเทศบาลตำบลอิตื้อ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ระบุหากมีข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานใดเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ความคืบหน้าไม้พะยูงของกลางมูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ที่ถูกกลุ่มคนร้ายลักลอบตัดจากพื้นที่ของสถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.กาฬสินธุ์ ก่อนนำไปเก็บไว้บริเวณลานหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์หายไป กระทั่งนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ สั่งการให้ตรวจสอบด่วน ต่อมา พล.ต.ต.สุวรรณ์ เชี่ยวนาวินธวัช ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ากับสภ.โนนสูง เบื้องต้นพบมีข้าราชการ 6 คนของหน่วยงานหนึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับไม้ที่หายไป

ล่าสุดวันที่ 10 สิงหาคม 2566 นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก จ.กาฬสินธุ์ ได้รับรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 มีการลักลอบลักทรัพย์ โดยการตัดไม้พะยูงขนาดใหญ่ 1 ต้น ในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขที่ กส 546 ซึ่งเป็นพื้นที่ของสถานีเพาะชำกล้าไม้ จ. กาฬสินธุ์ โดยกรมป่าไม้ ขอใช้ประโยชน์จากธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ต่อมาผู้นำในพื้นที่และผู้เกี่ยวข้องได้มีความเห็น ร่วมกันให้ตัดทอนไม้พะยูงที่เหลือจากการลักลอบตัดทอนออกไปไม่หมด ไปเก็บรักษาไว้ที่เทศบาลตำบลอิตื้อ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กระทั่งเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2566 ทางสถานีเพาะชำกล้าไม้ จ.กาฬสินธุ์ เข้าไปตรวจสอบไม้พะยูงที่เก็บรักษาไว้ที่บริเวณหน้าเสาธงเทศบาลตำบลอิตื้อ พบว่าไม้ดังกล่าวได้หายไป โดยไม่ทราบว่ามีบุคคลใดเอาไป

นายศุภศิษย์กล่าวต่อว่า หลังทราบเรื่องทางจังหวัดได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชา และทางกระทรวงมหาดไทยแล้ว รวมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ ศูนย์ป่าไม้กาฬสินธุ์ สำนักงานธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ และอำเภอยางตลาด เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมกับสั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยเฉพาะหากพบว่ามีข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานใดเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย โดยไม่มีข้อยกเว้น

นายศุภศิษย์กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบ และจากการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าวกับทางผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และนายอำเภอยางตลาด พบว่าไม้ของกลางดังกล่าวได้หายไปจริง จึงได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามขั้นตอนอย่างตรง ไปตรงมา ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดอยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบของแต่ละหน่วยงาน และอยู่ระหว่างรอผลการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่ามีข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ หรือหน่วยงานของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ซึ่งหากผลการตรวจสอบพบว่ามีส่วนพัวพัน รู้เห็น หรือเป็นผู้กระทำผิดเอง นอกจากจะถูกดำเนินคดีทางอาญาแล้ว จะต้องถูกตั้งกรรมการสอบวินัยด้วย