กาฬสินธุ์ชาวนากาฬสินธุ์เรียกร้องนักการเมืองรีบตั้งรัฐบาลใหม่แก้ไขปัญหาประเทศ

เสียงครวญจากชาวนาในจังหวัดกาฬสินธุ์ เรียกร้องไปยังนักการเมือง ทั้งสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อย่ามัวแต่ทะเลาะกันนึกถึงปากท้องชาวบ้านมากกว่าผลประโยชน์ รีบจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ระบุจะพรรคไหนเป็นแกนนำ หรือใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่ต้องมีความ รู้ความสามารถ มีภาวะผู้นำทำให้ประเทศชาติเดินหน้าและแก้ไขปัญหาประเทศ โดยเฉพาะปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง ราคาข้าวเปลือกตกต่ำและปัญหายาเสพติด


วันที่ 15 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพ ของประชาชนและกระแสการเมืองใน จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรกร ชาวนา พบว่ายังประสบปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง และน้ำมันราคาสูง จึงอยากเรียกร้องไปถึงรัฐสภา และนักการเมือง ซึ่งมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี รีบจัดตั้งรัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน และอยากให้คำนึงถึงหัวอกและความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรที่ยังคงประสบปัญหาปุ๋ยเคมีราคาแพง ราคาข้าวเปลือกตกต่ำ รวมทั้งประชาชนประสบปัญหายาเสพติด พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าพรรคการเมืองไหนเป็นแกนนำ หรือใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่ต้องมีความ รู้ความสามารถ ทำให้ประเทศชาติเดินหน้า


นายธวัชชัย ภูผารส อายุ 57 ปี ชาวนาบ้านดอนยานาง หมู่ 7 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เท่าที่ติดตามข่าวสารจากการโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ก.ค.66 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ และกำหนดโหวตใหม่อีกครั้งในวันที่ 19 ก.ค.66 นี้ โดยส่วนตัวก็รู้สึกผิดหวังบ้าง ที่บรรยากาศการเมืองยังคาราคาซัง ทั้งๆที่การเลือกตั้ง ส.ส. ผ่านมาแล้วกว่า 2 เดือน แต่ยังไม่มีรัฐบาลใหม่ ทำให้อะไรๆเกิดประโยชน์กับประชาชน ดูเวิ้งว้าง ชาวนาก็เคว้งคว้าง ไม่มีหลักประกันในการประกอบอาชีพ เพราะยังเผชิญกับปัญหารอบ ด้าน เช่น ปุ๋ยเคมีราคาแพง กระสอบละ 1,500 บาท น้ำมันแพงลิตรละเกือบ 40 บาท ซึ่งทั้ง 2 อย่างเป็นสิ่งที่จำเป็นจะต้องใช้สำหรับบำรุงต้นข้าวและสูบน้ำ เพราะเวลาฝนตกลงมาเกิดภาวะน้ำท่วมก็ต้องสูบน้ำออก ขณะฝนทิ้งช่วงก็ต้องสูบน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าว ตนมีที่นา 18 ไร่ หมดเงินซื้อน้ำมันไปแล้วกว่า 2,000 บาท ขณะที่จ้างรถไถไร่ละ 600 บาท ถึงวันนี้ลงทุนไปแล้วกว่า 13,000 บาท นี่ยังไม่รวมค่าปุ๋ยเคมีและค่าเก็บเกี่ยว หากราคาข้าวเปลือกยังตกต่ำที่ ก.ก.ละ 5-7 บาท รับรองขาดทุนแน่นอน


นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า เมื่อราคาปุ๋ยเคมีและราคาน้ำมันยังแพงต่อเนื่อง ไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาควบคุมราคา จึงพบว่าเพื่อนชาวนาบางคนปล่อยที่นาให้รกร้างไว้ บางคนลดพื้นที่ทำนาโดยปลูกพืชผักชนิดอื่นแทน เพราะไม่มีทุนทำนา บางรายประกาศขายที่นา ขณะที่หลายรายที่ลงมือทำนา โดยหว่านเมล็ดพันธุ์แล้ว จำเป็นต้องปล่อยต้นข้าวให้แห้งเฉาและกำลังจะตาย เนื่องจากไม่มีเงินซื้อปุ๋ยเคมี และไม่มีเงินซื้อน้ำมันสูบน้ำเข้าแปลงนา ดังนั้นตนในฐานะเกษตรกรขอสะท้อนปัญหาของชาวนาไปยังรัฐสภา ไปยังนักการเมืองทั้งหลายขออย่าได้หวังประโยชน์ทางการเมืองจนลืมความเดือดร้อนของประชาชน ให้รีบเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะพรรคไหนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือใครเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่ขอให้มีความ รู้ความสามารถ มีภาวะผู้นำในการบริหารราชการแผ่นดิน นำพาประเทศเจริญก้าวหน้าและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ รวมทั้งแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะราคาปุ๋ยเคมี ราคาน้ำมัน ราคาข้าวเปลือก รวมทั้งปัญหายาเสพติดด้วย