เปิดผลวิจัย พบเยาวชนเล่นพนันออนไลน์ช่วงโควิด เพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านคน ชี้เด็กนักเรียน-นักศึกษาเห็นพนันออนไลน์เป็นแค่เกมที่สนุกตื่นเต้นแถมมีเงินรางวัล

เปิดผลวิจัย พบเยาวชนเล่นพนันออนไลน์ช่วงโควิด เพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านคน ชี้เด็กนักเรียน-นักศึกษาเห็นพนันออนไลน์เป็นแค่เกมที่สนุกตื่นเต้นแถมมีเงินรางวัล

ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ร่วมกับมูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.)โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)จัดเสวนาวิชาการ นำเสนอ 3 ผลงานวิจัย เรื่อง “เปิดพฤติกรรมเยาวชนไทย…รู้เท่าทันภัยพนัน ?” เมื่อวันอังคารที่ 13 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรมแมนดาริน สามย่าน กรุงเทพ โดยมี นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโส เป็นผู้ดำเนินรายการ


รศ.ดร.ณัฐนันท์ ศิริเจริญ อาจารย์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ หัวหน้าทีมวิจัย เรื่อง การรู้เท่าทันสื่อชวนพนันออนไลน์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล กล่าวว่าการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหาสาเหตุ,แนวทางการรู้เท่าทันและข้อเสนอเชิง นโยบายในการรู้เท่าทันสื่อชวนพนันออนไลน์ โดยมีทั้งการสุ่มเลือกนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่และจบไปแล้วที่มีพฤติกรรมเล่นพนันออนไลน์ 12 คนและยังได้สอบถามนักศึกษาที่กำลังศึกษาระดับปริญญาตรีใน มหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชนอีก 400 คน ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ถึง เดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมาพบว่าสาเหตุการเล่นพนันออนไลน์นั้นในด้านความรู้ยังไม่มีความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพียงพอไม่คิดว่าเป็นการเล่นพนันแต่เป็นเพียงเกมออนไลน์ที่มีเงินรางวัลและมีทัศนคติว่าเป็นเพียงการเสี่ยงโชคลุ้นรางวัล ตอบแทน ทำให้สนุกตื่นเต้น และสิ่งที่มีผลต่อพฤติกรรมการการเล่นพนันออนไลน์เพราะพบเห็นสมาชิกในครอบครัว เพื่อน และ อยู่ในชุมชนที่เล่นพนันออนไลน์จึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ


ส่วนการรู้เท่าทันสื่อชวนพนันออนไลน์นั้นนักศึกษาค่อนข้างรู้ดีว่าสื่อโฆษณาเกี่ยวกับการชวนเล่น พนันออนไลน์นั้นมีหลากหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวง เป็นเพียงข้อเสนอให้ผู้รับสารเลือกเองว่าจะเข้าไปเล่นหรือไม่ โดยไม่ได้บังคับขู่เข็ญ ดังนั้นการที่นักศึกษาจะเข้าไปเล่นพนันออนไลน์ซึ่ง อาจอยู่ในรูปแบบของเกมก็เป็นเพียงความอยากลองอยากรู้ของตัวนักศึกษาคนนั้น และคิดว่านักศึกษามีอิสระที่จะคิดทำอะไรตามที่ตนเองคิดว่าจะได้เงินมา เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆ ที่ตนเองต้องการและไม่ คิดว่าการใช้กฎหมายเข้ามาจัดการกับการเล่นพนันออนไลน์ของวัยรุ่นนักศึกษาจะได้ผล เพราะนักศึกษาไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องร้ายแรงหรือสร้างความเสียหายใดๆ เพียงแค่การเข้าไปเล่นเกมและหากฝีมือดี โชคดีก็ จะได้เงินรางวัลตอบแทนกลับมาเท่านั้น จึงไม่คิดว่าต้องเกรงกลัวกฎหมายรวมถึงคิดว่ามีการเก็บส่วยกับ เจ้าของเว็บพนัน จึงเชื่อว่าไม่ค่อยมีเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการเพื่อติดตามจับกุมหรือลงโทษมากนัก


สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายในการรู้เท่าทันสื่อชวนพนันออนไลน์เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อนักศึกษา ระบุว่าจะใช้รูปแบบการสอนจากครูอาจารย์นั้นไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก เพราะอาจมีความรู้ในเรื่องพนันออนไลน์ไม่เท่ากับนักศึกษาด้วยซ้ำ ควรใช้การเรียนรู้ที่สนุกสนานผ่านเกมที่วัยรุ่นชอบเล่นกันและ เป็นการเรียนรู้สร้างความเข้าใจและความตระหนักในปัญหาการพนันออนไลน์ในรูปแบบของความบันเทิงจะดีกว่า รวมทั้งควรให้คนที่เคยมีประสบการณ์จริงยิ่งถ้าเป็นคนดังหรือคนมีชื่อเสียงในสังคมในด้านต่างๆ มาพูดเล่าประสบการณ์จริงของตนเองและบอกถึงข้อดีข้อเสียและข้อควรระวังให้กับนักศึกษา น่าจะได้รับความสนใจและใส่ใจและน่าเชื่อถือรวมทั้งเรียนรู้แบบสนุกสนานมากกว่า ส่วนข้อเสนอเมื่อพบผู้ติดพนันสิ่ง ที่ควรทำคือนึกถึงสิ่งดีๆในตัวเขา มีสติใจเย็นบอกว่าเขาจะต้องได้รับการช่วยเหลือ ดูแลด้านจิตใจเป็นพิเศษ จัดตารางเวลาการนอนและใช้อินเตอร์เน็ตที่เหมาะสม กำหนดขอบเขตการใช้เงิน เป็นต้น แต่สิ่งที่ไม่ควรทำ คือ ตำหนิ บ่น ตัดออกจากครอบครัว คาดหวังว่าเขาจะหายจากการติดพนันในทันทีเมื่อหยุดเล่นพนัน รวมทั้งการใช้หนี้แทนหรือการประกันตัวเมื่อถูกดำเนินคดีและปิดบังหรือไม่ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของตัวเองและครอบครัว


ผศ.ดร.ไพฑูรย์ สอนทน อาจารย์จากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ หัวหน้าทีมวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการเล่นพนันออนไลน์กับปัญหาการพนัน ของนักเรียนมัธยมศึกษา จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่าวัตถุประสงค์ของการวิจัยนอกจากต้องการดูความชุกของการเล่นพนันออนไลน์และออฟไลน์แล้วยังต้องการวัดทัศนคติต่อการเล่นพนันและภาวะซึมเศร้า รวมทั้งการ ทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างการเล่นพนันกับภาวะซึมเศร้า โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในโรงมัธยม 4 แห่งของจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ 1 แห่ง ขนาดใหญ่ 1 แห่ง ขนาดกลาง 1 แห่ง ขนาดเล็ก 1 แห่ง จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 3,744 คน ส่วนใหญ่ร้อยละ 42.9 อายุ 14-15 ปี พบว่าทัศนคติในเรื่องการพนันน่าตกใจที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 50.1 มีทัศนคติที่ดีต่อการเล่นพนัน มองว่าการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ถือว่าเป็นการพนันมีคนเห็นด้วย

และเห็นด้วยอย่างยิ่งร้อยละ 33 แต่ก็มีคนไม่แน่ใจถึงร้อยละ 44.7 ส่วนการซื้อหวยใต้ดินไม่ถือเป็นการพนันมีคนไม่เห็นด้วยรวมร้อยละ 41.1 แต่ก็มีคนไม่แน่ใจถึงร้อยละ 47.8 อย่างไรก็ตามผลวิจัยยังพบข้อมูลที่น่าดีใจคือนักเรียนส่วนใหญ่เห็นด้วยและเห็นด้วยอย่างยิ่งรวมกันถึงร้อยละ 62.10 หากจะห้ามเล่นการพนันอย่างสิ้นเชิงและยังพบว่านักเรียนร้อยละ 83.0 ไม่เคยเล่นพนันออนไลน์ รวมทั้งนักเรียนมองว่าตัวเองไม่มีปัญหาจากการพนันเลยถึงร้อยละ 89.2 ส่วนคนที่เล่นการพนันออนไลน์ร้อยละ 82.5 เล่น1-4 ครั้งต่อวัน เหตุผลในการเล่นร้อยละ 39.5 เพราะสะดวกเล่นได้ทุกที่ รองลงมา ร้อยละ 28 เพื่อนชวนเล่นเพื่อเข้ากลุ่ม ช่องทางในการเล่นผ่านไลน์ / แอพแชทต่างๆ และเล่นโดยตรงกับเว็บไซต์พนันพอๆกันที่ร้อยละ 54.8 ส่วนอุปกรณ์ที่ใช่เล่นส่วนใหญ่เป็นโทรศัพท์มือถือ


ด้านปัญหาและผลกระทบต่อสุขภาพของนักเรียนนั้นพบว่านักเรียนที่มีความถี่ในการเล่นพนันออนไลน์เล่นเป็นบางครั้งมีความเสี่ยงต่อปัญหาการพนัน 3 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ไม่เล่นการพนันออนไลน์ นักเรียนที่มีความถี่ในการเล่นพนันออนไลน์เล่นเป็นประจำมีความเสี่ยงต่อปัญหาการพนัน 6 เท่าเมื่อเทียบผู้ไม่เล่นการพนันออนไลน์ ส่วนนักเรียนที่มีความถี่ในการเล่นพนันออฟไลน์ ไม่มีความเสี่ยงต่อปัญหาการพนัน และผู้ที่มีปัญหาการติดพนันมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า 3 เท่าเมื่อเทียบกับผู้ไม่มีปัญหาการพนัน ที่น่าตกใจคือเด็กนักเรียนมัธยมศึกษาของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีภาวะซึมเศร้าปานกลางถึงรุนแรง สูงถึงร้อยละ 29.7 และพบว่านักเรียนมีแนวโน้มที่จะเล่นการพนันเมื่อตนเองมีความรู้สึกเหงา เศร้าหรือมีปัญหาสุขภาพจิต

นอกจากนั้นเมื่อดูผลกระทบต่อสุขภาพที่มีมากกว่าปัญหาการพนันพบว่านักเรียนมีพฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพที่น่าตกใจคือมีนักเรียนถึงร้อยละ 53.6 ที่รับประทานอาหารหวาน / น้ำอัดลมบ่อยๆ นอกจากนั้นร้อยละ 17.8 ดื่มแอลกอฮอล์ ร้อยละ 8.7 สูบบุหรี่ไฟฟ้า ร้อยละ 5.8 รับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชา ร้อยละ 4.3 สูบบุหรี่มวน ร้อยละ 2.5 สูบกัญชา ผลวิจัยจึงชี้ชัดเจนว่าเด็กนักเรียนมีปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างมากและขณะเดียวกันก็ยังมีความชุกในการเล่นพนันออนไลน์ ในระดับมัธยมศึกษาอยู่ในระดับสูงจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งระดับนโยบายและปฏิบัติ หาแนวทางลดการ เข้าถึงและลดผลกระทบโดยเฉพาะภาวะซึมเศร้า อยากให้โรงเรียนเฝ้าระวังและคัดกรองปัญหาในเด็กนักเรียนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง


นายอุบล สวัสดิ์ผล หัวหน้าทีมวิจัยเรื่อง วัคซีนต้นกล้า..การพัฒนากระบวนการเรียนรู้เท่าทันการ พนันออนไลน์ในโรงเรียนกีฬา กล่าวว่าทีมวิจัยเลือกพื้นที่วิจัยแบบเจาะจงคือโรงเรียนเทศบาลหนองหญ้าม้าซึ่งเป็นโรงเรียนกีฬาเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด ผ่านแกนนำนักวิจัยสภานักเรียน 25 คน กลุ่มนักเรียน ม.1-ม.6 จำนวน 569 คนและครูแกนนำ 8 กลุ่มสาระ 20 คน เพื่อศึกษามุมมอง สถานการณ์ พฤติกรรมและผลกระทบ รวมทั้งการทดลองกระบวนการเรียนรู้เท่าทันเพื่อวิเคราะห์เงื่อนไขที่จะนำไปสู่การ ป้องกันและลดผลกระทบรวมทั้งการผลักดันให้เกินมาตรการหรือนโยบายโรงเรียนกีฬาปลอดพนัน โดยการหาวิธีการให้ความรู้เพื่อให้เด็กได้รู้เท่าทันการพนันการพนันออนไลน์ผ่านการตั้งคำถามหลัก 4 คำถามคือ หนึ่ง เมื่อได้ยินคำว่าพนันเรานึกถึงอะไร? สอง มีใครที่เกี่ยวข้องกับการพนันและเกี่ยวข้องอย่างไร? สาม ผลที่เกิดขึ้นจากพนันออนไลน์และ สี่ ทำไมเราต้องรู้เท่าทันพนันออนไลน์ พบว่าประเด็นเรื่องทัศนคติเมื่อพูดถึงคำว่าเล่นพนันนักเรียนส่วนใหญ่ร้อยละ 44.3 นึกถึงพนันออนไลน์มากที่สุด ชนิดของพนันออนไลน์ที่คิดถึงมากที่สุดคือคำว่าสล็อต สล็อตPG บาคารา ไพ่ ยิงปลา เสือมังกร ไฮโล มีเพียงร้อยละ 24.5 ที่นึกถึงกฎหมาย ศีลธรรมและผลกระทบ และมุมมองจากนักเรียนหลายคนในการสนทนากลุ่มย่อยเห็นว่าลอตเตอรี่ ไม่ใช่การพนันเพราะ ซื้อขายกันเป็นปกติ ขายเกินราคาก็ไม่ถูกตำรวจจับ


ส่วนการรับรู้พฤติกรรมและการเข้าถึงการพนันของเด็กนักเรียนในโรงเรียนและชุมชนนั้นปรากฏว่ามี นักเรียนถึงร้อยละ 79.5 รู้ว่ามีการเล่นพนันในโรงเรียน เช่น ครูซื้อหวย ร้อยละ 78 รู้ว่ามีคนเล่นพนันในชุมชนเช่นป้าข้างบ้านเล่นไพ่ ลุงเล่นไฮโล ร้อยละ 53.4 เคยรับรู้ว่าผู้ปกครองหรือคนในครอบครัวเล่นพนันเช่นพ่อ แม่ซื้อหวย พี่เล่นเกมออนไลน์ ส่วนการรู้จักการเล่นพนันส่วนใหญ่ร้อยละ 82.1รู้จากสื่อออนไลน์และเข้าถึงการพนันทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ส่วนใหญ่จากช่องทางสื่อออนไลน์ถึงร้อยละ 82.7 สะท้อนให้เห็นชัดเจน ว่าสื่อออนไลน์มีอิทธิพลต่อนักเรียนระดับมัธยมมาก นักเรียนมีประสบการณ์เคยเล่นพนันออนไลน์มาหลายประเภททั้งหวยหุ้นไทยและต่างประเทศ ปลากัด แข่งม้า วัวชน ชนไก่ เหตุผลของการเล่นพนันออนไลน์ส่วน ใหญ่ร้อยละ 62.1 เห็นว่าสนุก เพลิดเพลิน ชอบ รู้สึกผ่อนคลาย รองลงมาร้อยละ 21.8 เพราะได้เงินจากการเล่นพนันออนไลน์

ผลการวิจัยทำให้เห็นว่าพื้นฐานที่แตกต่างกันของนักเรียนทำให้การนิยามความหมาย การพนันจึงหลากหลาย รวมทั้งรายได้และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเทคโนโลยีการสื่อสารส่งผลให้มุมมองด้านทัศนคติ สถานการณ์การรับรู้ การเข้าถึง พฤติกรรมและผลกระทบจากพนันออนไลน์ มากกว่าการพนันปกติที่เด็กเคยมีประสบการณ์ในอดีต จึงเสนอแนะว่าควรพัฒนาและจัดการเรียนรู้เพื่อเท่าทันพนันออนไลน์ด้วยเครื่องมือ แผนการเรียนรู้เท่าทันพนันออนไลน์ เป็นการสร้างวัคซีนให้กับนักเรียนที่ได้ผลเชิงประจักษ์ โดยนำกระบวนการกลุ่มเรียนรู้ภายใต้แนวคิด EF หรือ Executive Function คือ ความสามารถที่เกิดจากการทำงานของสมองส่วนหน้าที่ช่วยให้คนเราสามารถควบคุมความคิด อารมณ์ พฤติกรรม มาใช้กับกลุ่มเด็กและเยาวชนในทุกโรงเรียนซึ่งเป็นกระบวนการยับยั้งชั่งใจและสื่อที่ใช้ก็ควร ออกแบบและให้ความสำคัญกับการพึ่งพาตัวเองในการเอาตัวรอดหรือการมีภูมิคุ้มกันในตัวเองด้วย


รศ.ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นปีศูนย์ฯได้ทำการสำรวจการพนันออนไลน์ในกลุ่มคนอายุ 15-25 ปี พบว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีนักการพนันหน้าใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนมีเวลาอยู่บ้านและเล่นอินเตอร์เน็ตมากขึ้น และเห็นการโฆษณาพนันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ประมาณ 44% เห็นแล้วอยากลอง 26% ลองเข้าไปดู 4% ทดลองเล่น และ 1% แชร์ข้อความโฆษณาไปยังสาธารณะ ทำให้การโฆษณาพนันออนไลน์ขยายวงกว้างออกไปอีก เราพบว่าคนกลุ่มนี้เล่นการพนันงานเกือบ 3 ล้านคน เพราะเล่นง่าย เล่นได้ทุกที่ ทุกเวลา หาข้อมูลง่าย และคิดว่าสามารถควบคุมตัวเองได้ อยากเล่นหรืออยากหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ ประกอบกับบางคนเคยเห็น