กาฬสินธุ์-แฉทุนใหญ่ทิ้งคนเลี้ยงหมู แถมให้ไปกู้เพิ่มอีกครึ่งล้านรับผิดชอบเอง

แฉคนเลี้ยงหมูวอนนายทุนหาวิธีช่วยเหลือ ชี้ขี้หมูเหม็นนายทุนนอกจากไม่ช่วยยังบอกให้ไปกู้เพิ่มอีกเกือบครึ่งล้านดับกลิ่นเหม็น โวยรู้ว่าโครงสร้างและระบบไม่เรียบร้อยรีบส่งหมู-หัวอาหารมาทำไม ด้าน กอ.รมน.กาฬสินธุ์ ยื่นมือรับเรื่องร้องทุกข์พร้อมติดต่อตัวแทนทุนใหญ่ร่วมแก้ปัญหา

จากกรณีชาวบ้านใน ต.สหัสขันธ์ และต.นามะเขือ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้รับความเดือดร้อนสาหัส จากกลิ่นเหม็นของขี้หมู ที่โชยออกมาจากฟาร์มเลี้ยงหมูเอกชน 16 ฟาร์ม ส่งผลให้สุขภาพจิตเสีย ปวดหัวปวดประสาทและเจ็บป่วยด้วยโรคทางลมหายใจ เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรีบแก้ไขถึงกับ ล่ารายชื่อ และร้องทุกข์กล่าวโทษเอกชนและผู้เลี้ยงหมู ให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่นายอำเภอสหัสขันธ์ให้เร่งแก้ไขภายใน 2 สัปดาห์ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 3 มิถุนายน 2566 ที่ฟาร์มเลี้ยงหมูรายนายนุกูล ทองจรัส และรายนางดอกไม้ แก้วสีทา บ้านถ้ำปลา ต.สหัสขันธ์ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ พ.ท.วิศิษศักดิ์ ภูกิ่งเพชร หัวหน้าฝ่ายกิจการมวลชน กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย ร.ท.วิทยา เทพจันทร์ รองหัวหน้าฝ่ายประสานความมั่นคง กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ และ จ.ส.อ.ศักดิ์ชัย พันโกฎิ จนท.ธุรการฝ่ายกิจการมวลชน กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาฟาร์มขี้หมูเหม็น ซึ่งเป็นวันที่ 11 ของการแก้ไขปัญหา มีนายธวัชชัย บุญทานันท์ นายก อบต.สหัสขันธ์ นายทองแดง ผลผาด ผู้ใหญ่บ้านถ้ำปลา หมู่ 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายสาธารณสุข ร่วมติดตามสุขภาพให้กำลังใจผู้ประกอบการเลี้ยงหมู


พ.ท.วิศิษศักดิ์ กล่าวว่า ฝ่ายทหารมีความห่วงใยกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงหมู ต.สหัสขันธ์ทั้ง 8 ราย จาก จำนวน 16 ฟาร์ม ทราบว่ากำลังอยู่ในช่วงของการดำเนินการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็น แต่พบว่าเกษตรกรเลี้ยงหมูยังต้องแบกรับปัญหาหนี้สิน เนื่องจากขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินในวงเงินที่สูงทุกราย และยังพบว่าต้องแก้ปัญหากลิ่นให้แล้วเสร็จใน 2 สัปดาห์ รวมทั้งแก้ไขปัญหาระยะยาวในระยะ 2 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องยากเพราะเกษตรกรไม่มีความรู้ในการเลี้ยง อีกทั้งได้รับการชักจูงจากตัวแทนนายทุนบริษัทใหญ่ ที่ทราบว่าไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขปัญหาแต่อย่างใด

แต่กลับแนะนำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูกู้เงินเพิ่มอีก จึงเป็นไปได้ว่าจะขอเชิญตัวแทนทุนใหญ่หาวิธีการช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูได้ให้หาบริษัทฯร่วมรับผิดชอบต่อสังคมในครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ กอ.รมน.จังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมกับทุกฝ่าย พร้อมยืนเคียงข้างผู้ประกอบการเลี้ยงหมู ให้สามารถเดินหน้าไปต่อได้ และประสบความสำเร็จ มีกำไรจากการเลี้ยงหมูตลอดไป เนื่องจากเป็นการลงทุนที่สูงพอสมควร แต่หากมีการจัดการที่ดี ก็จะเป็นการลงทุนครั้งเดียว แต่ได้ผลในระยะยาว

ด้านนางดอกไม้ แก้วสีทา เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้ามาสอบถามปัญหา และให้กำลังใจ ให้คำแนะนำ ซึ่งต้องยอมรับว่าตนเป็นเกษตรกรมือใหม่ ยังไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงหมู รวมทั้งก่อนนำหมูมาเลี้ยง ระบบการกำจัดของเสียในฟาร์มยังไม่สมบูรณ์แบบ รวมทั้งน้ำที่จะใช้ในการทำความสะอาดคอกหมูจำนวน 1,400 ตัวนั้นก็ไม่ค่อยจะเพียงพอ และยอมรับว่าก่อนเลี้ยง ไม่ได้คำนึงว่าจะเกิดผลกระทบมากมายขนาดนี้ และไม่คิดว่าจะต้องกู้เงินเพิ่มเพื่อลงทุนในการแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็น

“การลงทุนเลี้ยงหมูครั้งนี้ เกิดจากการเชิญชวนของตัวแทนบริษัทเอกชน และทำสัญญา 3 ปี โดยให้นำที่ดินไปจำนองกับสถาบันการเงินรอบแรก 6,400,000 บาท วงเงินจำนวนนี้จะได้ทั้งฟาร์มหมู ลูกหมู และอาหารเลี้ยงหมู พอเกิดปัญหาขี้หมูส่งกลิ่นเหม็น และเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องเร่งรีบแก้ไข ทั้งติดตั้งม่านน้ำ ขุดบ่อบำบัดน้ำเสีย และถุงแก๊สหลังจำหน่ายหมูออกจากฟาร์มรุ่นแรกหมด เอกชนที่เข้ามาส่งเสริมก็ได้แนะนำให้ไปกู้สินเชื่อเพิ่มอีก ในรูปแบบของการขยายวงเงินกู้ สำหรับตนจะกู้เพิ่มอีก 400,000 บาท รวมของเดิม เป็น 6,800,000 บาท ซึ่งเป็นภาระหนี้สินที่ต้องแบกรับ และจะท้อถอยไม่ได้ เนื่องจากกู้เงินมาลงทุนเป็นจำนวนมากแล้ว”


นางดอกไม้ กล่าวต่อว่า ในส่วนที่อยากจะขอให้ทางเอกชนที่มาชักชวนเลี้ยงหมู และแหล่งเงินทุนที่ให้สินเชื่อมา ได้เห็นใจผู้ประกอบการเลี้ยงหมูก็คือ ในเมื่อกู้เงินมาลงทุนจำนวนมากดังกล่าว ซึ่งเป็นหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเกินความคาดหมาย ก็อยากให้ขยายระยะเวลาชำระหนี้สิน โดยมีการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อที่ผู้เลี้ยงหมูจะมีเงินทุน ในการเลี้ยงในรุ่นต่อๆไป