พิจิตร-ตำรวจแถลงข่าวจับแล้วชายชุดดำบุกวัดหลวงพ่อเงินบางคลานใช้กำลังทำร้ายกรรมการวัดเจ็บสาหัส

พิจิตร-ตำรวจแถลงข่าวจับแล้วชายชุดดำบุกวัดหลวงพ่อเงินบางคลานใช้กำลังทำร้ายกรรมการวัดเจ็บสาหัส

วันที่ 11 เมษายน 2566 พล.ต.ต. บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 , พล.ต.ต. สารนัย คงเมือง ผบก.สส.ภ.6 , พล.ต.ต. กำธร จันที ผบก.ภ.จว.พิจิตร ได้ร่วมกันเปิดแถลงข่าวที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตรเพื่อแถลงผลงานการจับกุม 8 ชายชุดดำ ที่ยกพวกใช้กำลังและความรุนแรงสมทบกับชาวบ้านอีกเกือบ 100 คน โดยชายชุดดำทั้ง 8 คน เป็นแกนนำใช้กำลังชกต่อย ตี กรรมวัดและคนงานของ วัดหิรัญญารามหรือ วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องหามส่งโรงพยาบาล

โดยเหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 66 เจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดพิจิตร นำหมายบังคับคดีจากศาลจังหวัดพิจิตร เพื่อให้ผู้ครอบครองทรัพย์ส่งมอบทรัพย์สินบนกุฏิไม้ ให้กับ พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม ตามคำพิพากษา แต่ชาวบ้านบางคลานประมาณ 60 คน นั่งขวางทางขึ้นไม่ยอมให้เจ้าพนักงานบังคับคดีฯ ขึ้นบนกุฏิ โดยมีกลุ่มชายชุดดำ เป็นการ์ดคอยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มชาวบ้าน เมื่อไม่สามารถดำเนินการตามคำสั่งศาลได้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงเดินทางกลับ

จากนั้นในช่วงเช้าของวันที่ 6 เม.ย. 66 เวลาประมาณ 08.00 น. ก็ได้มีชายชุดดำ ได้ขับรถยนต์ จำนวน 3 คัน คือ 1. รถยนต์เก๋ง โตโยต้า รุ่น วีออส สีเทา ทะเบียน 1ขธ 8026 กรุงเทพฯ มีผู้ก่อเหตุ 4 คน 2. รถยนต์เก๋ง มิตซูบิชิ รุ่น มิราจ ทะเบียน กฉ 3306 ตาก มีผู้ก่อเหตุ 4 คน 3. รถยนต์เก๋ง นิสสัน รุ่น เซฟิโร ทะเบียน กพ 7284 ลพบุรี มีผู้ก่อเหตุ 5 คน

จากนั้นกลุ่มชายชุดดำดังกล่าวก็เข้าไปฉุดกระชากจากนั้นได้ไปนำตัว นายกิตติรัฐ จูสุวรรณ์ บนกุฏิ 3 ฤดู ลงมาทำร้าย และได้นำตัวคนงานฝ่ายเจ้าอาวาสมารวมกันที่เต็นท์หน้ากุฏิ 3 ฤดู เหตุเพราะมีเรื่องโกรธเคืองกันในอดีต นอกจากนี้ในขณะที่ นายอำนาจ พรายพร “อุ๋ย” ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในวัดทำท่าเหมือนจะขี่จักรยานยนต์ฝ่าฝูงชนที่บุกเข้ายึดวัดในขณะนั้นและมีปากเสียงทะเลาะกัน จึงทำให้ นายประวิทย์ ภู่ปาน “หลิว” 1 ในกลุ่มชายชุดดำ จึงเดินเข้าไปถามว่าเป็นใคร นายอำนาจ “อุ๋ย” พูดว่า อย่ามาเสือก นายประวิทย์ “หลิว” จึงได้ชกที่หน้าของ นายอำนาจ “อุ๋ย” 1 ครั้ง ซึ่ง นายอำนาจ “อุ๋ย” ก็ต่อสู้ชกสวนกลับไป

จากนั้นได้เกิดชุลมุน เจ้าพนักงานตำรวจ ที่อยู่ในเหตุการณ์จึงได้เข้าระงับเหตุ และนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล และเดินทางมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ณ ขณะนี้สามารถออกหมายจับได้ 9 คน ซึ่งก่อนหน้านี้แกนนำที่เป็นผู้หญิงหัวโจกคนสำคัญรู้ว่าถูกออกหมายจับจึงชิงเข้ามอบตัวที่ สภ.โพทะเล เพื่อขอใช้และได้สิทธิ์ในการประกันตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนชายชุดดำทั้ง 8 คน เมื่อปฏิบัติการเสร็จก็แยกย้ายกันหนี ตำรวจพิจิตรและตำรวจจากภาค 6 จึงสืบเสาะและสามารถจับกุมได้ยกทีมนำมาสืบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพ แต่ผู้ว่าจ้างเป็นใครนั้นตำรวจขอปกปิดไว้ก่อนเพื่อประโยชน์กับรูปคดี โดยได้ตั้งข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหสถาน โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ร่วมกันทำร้ายเจ้าพนักงาน และจะคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีสะเทือนขวัญและเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและศีลธรรมเพราะเป็นการก่อเหตุภายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ซึ่งเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง

พล.ต.ต. บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ถามว่า วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน จะสงบได้หรือไม่ภายใต้กฎหมาย ซึ่งได้รับคำตอบว่าอยากให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาและถอยกันคนละก้าว ส่วนแกนนำที่ถูกจับก็จะดำเนินคดี ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า พระครูวิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน จะเข้าวัดในฐานะเจ้าอาวาสที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง จะเข้าวัดได้หรือไม่จะปลอดภัยหรือเปล่าก็ได้รับคำตอบจาก พล.ต.ต. กำธร จันที ผบก.ภ.จว.พิจิตร ว่า ต้องเข้าวัดได้ซิ แต่ถ้าห่วงเรื่องความปลอดภัยก็ขอให้ทำหนังสือร้องขอกำลังมาจะให้ตำรวจไปทำการอารักขาตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนพวกชาวบ้านที่ยังปักหลักและสลับสับเปลี่ยนกันมาชุมนุมป่วนภายในวัด คงต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ เพราะตำรวจไม่ประสงค์จะใช้ความรุนแรงกับชาวบ้าน

ส่วนบรรยากาศภายในวัดหลวงพ่อเงินบางคลานขณะนี้ก็ยังอยู่ในการยึดครองของชาวบ้านรวมถึงมีพระสงฆ์ที่เป็นพระที่ไม่ใช่ของวัดบางคลานมานั่งรับสังฆทานอยู่ในวิหารหลวงพ่อเงินและรับบริจาคเงินจากชาวบ้านหรือนักท่องเที่ยวที่หลงเข้ามาเพราะไม่รู้สถานการณ์หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกลุ่มคนดังกล่าวครอบครองและเปิดประตูวัดต้อนรับนักท่องเที่ยวแต่ไม่ต้อนรับ พระครูวิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน และกรรมการวัดรวมถึงบุคคลที่เป็นคูกรณีหรือเป็นปรปักษ์รวมถึงนักข่าวบางคนที่ไม่เข้าข้างกลุ่มผู้ชุมนุมดัวยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมโดยสรุปว่า ถึงแม้จะจับแกนนำและชายชุดดำทั้ง 9 คนได้แล้ว แต่วัดหลวงพ่อเงินบางคลานก็ยังไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยสำหรับ พระครูวิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน และกรรมการวัดรวมถึงบุคคลทั่วไปที่ฝ่ายต่อต้านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันถ้ามีความหวาดระแวงเกิดขึ้นก็จะมีการเข้ามาแสดงกิริยาไม่เหมาะสมส่อไปในทางรุนแรง ซึ่งก็มีผู้สื่อข่าวหญิงของหนังสือพิมพ์หัวยักษ์ท่านหนึ่งก็ยังเคยถูกฝ่ายต่อต้านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันแสดงปฏิกิริยาเอาธูปที่จุดไฟแดงๆจี้ใบหน้ามาแล้วด้วยเช่นกัน

 

ทีมข่าวภูมิภาคพิจิตร