พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งขยายผลดำเนินคดีกับเครือข่ายค้ามนุษย์ หลอกหญิงไทยไปค้าประเวณีที่เมืองล๊อกกิ่ง ประเทศเมียนมา

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ สั่งขยายผลดำเนินคดีกับเครือข่ายค้ามนุษย์ หลอกหญิงไทยไปค้าประเวณีที่เมืองล๊อกกิ่ง ประเทศเมียนมา


จากกรณีเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.65 คุณปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้พา หญิงสาว 3 ราย ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกหลอกไปค้าประเวณีที่เมืองล๊อกกิ่ง ประเทศเมียนมา ที่ได้ประสานทหารไทย ทหารเมียนมา สถานทูตไทย เเละตำรวจไทยช่วยเหลือกลับมาได้เมื่อวันที่ 27 พ.ย.65 ที่ผ่านมา เข้าพบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่สโมสรตำรวจ วิภาวดีรังสิต เพื่อขอให้มีการขยายผลติดตามจับกุมขบวนการค้ามนุษย์ดังกล่าวมาดำเนินคดี นั้น


จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร./ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ดำเนินการสืบสวนขยายผลเกี่ยวกับเครือข่ายค้ามนุษย์ข้ามชาติดังกล่าว รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายถึงที่สุด
จากการสืบสวนของชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ทราบว่า ผู้เสียหายทั้ง 3 รายได้รับการชักชวนจาก น.ส.ศิลาณีฯ หรือ แนน ให้ไปทำงานให้บริการนั่งดื่มกับลูกค้าที่เมืองล๊อกกิ่ง ประเทศเมียนมา โดยกล่าวอ้างว่า ใช้เวลาทำงานไม่นาน มีรายได้สูง และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เมื่อตกลงรายละเอียดกันได้แล้ว น.ส.ศิลาณีฯ ได้พากลุ่มผู้เสียหายไปพักที่หอพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี พร้อมกับ นายสมเกียรติฯ แฟนหนุ่ม เพื่อรอนำไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเดินทางต่อไปยังสนามบินเชียงใหม่ จากนั้นจะมี นายชัชวีร์ฯ รอรับกลุ่มผู้เสียหายพาไปพักคอยอยู่ที่หมู่บ้านอรุโณทัย พื้นที่

อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จำนวน 1 คืน เพื่อรอเดินทางข้ามไปยังประเทศเมียนมาในช่วงเช้าตรู่ ซึ่งจะมี นายจายหารฯ ขับขี่รถยนต์บรรทุกผลแตงโมมารับกลุ่มผู้เสียหายเพื่อส่งต่อให้กับกลุ่มคนชาวเขา ซึ่งประกอบด้วย นายซ่าฯ, นางโหย่ง และ น.ส.อะเหลมะ บริเวณริมชายแดนไทย-เมียนมา ในพื้นที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เพื่อเดินข้ามช่องทางธรรมชาติเข้าไปยังประเทศเมียนมา หลังจากนั้นจะมีกลุ่มชาวเมียนมา และอินเดีย รับช่วงต่อเพื่อพากลุ่มผู้เสียหายไปส่งที่ร้านคาราโอเกะภายในเมืองล๊อกกิ่ง ประเทศเมียนมา ซึ่งมี น.ส.พิชญ์สินีฯ ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลร้านและคนที่มาทำงาน แต่เมื่อผู้เสียหายไปถึงกลับถูกบังคับให้ไปค้าประเวณีแก่ลูกค้าในร้านดังกล่าว โดยระหว่างที่อยู่ภายในร้านจะมีกลุ่มชายติดอาวุธเฝ้าอยู่โดยตลอด ซึ่งผู้เสียหายทราบภายหลังว่า น.ส.ศิลาณีฯ จะได้ค่านายหน้าในการพากลุ่มผู้เสียหายมาทำงานดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายทราบดังนั้นแล้วจึงได้ประสานขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณา ตำรวจและทหารไทย จนสามารถหลบหนีกลับมายังประเทศไทยได้โดยปลอดภัย


ต่อมา พนักงานสอบสวน สภ.พานทอง ภ.จว.ชลบุรี ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออนุมัติต่อ ศาลจังหวัดชลบุรีเพื่อขอหมายจับผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ จำนวน 8 ราย ดังนี้
1. น.ส.ศิลาณีฯ ทำหน้าที่ ชักชวนกลุ่มผู้เสียหายให้ไปทำงานที่ประเทศเมียนมา และเป็นผู้ติดต่อประสานงานบุคคลต่างๆ เพื่อให้กลุ่มผู้เสียหายสามารถเดินทางไปทำงานที่ประเทศเมียนมาได้
2. น.ส.พิชญ์สินีฯ ทำหน้าที่รับกลุ่มผู้เสียหายไปทำงานที่ร้านที่ประเทศเมียนมา (หลบหนี)
3. นายสมเกียรติฯ ทำหน้าที่ พากลุ่มผู้เสียหายไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ
4. นายชัชวีร์ฯ ทำหน้าที่ รับกลุ่มผู้เสียหายจากสนามบินเชียงใหม่ไปส่งที่ห้องพักในหมู่บ้านอรุโณทัย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
5. นายจายหาร สัญชาติเมียนมา ทำหน้าที่รับกลุ่มผู้เสียหาย จากห้องพักในหมู่บ้านอรุโณทัย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ไปส่งที่จุดข้ามแดนไปยังประเทศเมียนมา ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่


6. นายซ่า ทำหน้าที่พากลุ่มผู้เสียหายลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมา
7. นางโหย่ง ทำหน้าที่พากลุ่มผู้เสียหายลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมา
8. น.ส.อะเหลมะ มีหน้าที่พากลุ่มผู้เสียหายลักลอบข้ามไปยังประเทศเมียนมา (หลบหนี)
โดยผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบ ขู่เข็ญว่าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรือประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลให้ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิดในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคลที่ตนดูแล” เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สืบสวน สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับแล้วจำนวน 6 ราย ส่วนอีก 2 รายนั้น ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศเมียนมา
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันกลุ่มเครือข่ายค้ามนุษย์จะใช้วิธีการหลอกลวงผู้เสียหายโดยการจูงใจว่าสามารถพาไปทำงานที่ต่างประเทศได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และจะได้รับรายได้สูง แต่เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับให้ค้าประเวณีและไม่เคยรับรายได้ตามที่กล่าวอ้างไว้ จึงขอฝากพี่น้องสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชน เพื่อให้รับทราบแผนประทุษกรรมของกลุ่มคนร้ายเหล่านี้ และหากพี่น้องประชาชนที่มีความต้องการไปทำงานต่างประเทศ ขอให้ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องและครบถ้วน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการปราบปรามกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้อย่างจริงจัง และดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุดทุกราย

#ปิดครบ จบไว ไร้อคติ