เพชรบูรณ์-จับได้แล้ว โจรใจบาปก่อเหตุ ตัดหางควายท้องแก่

เพชรบูรณ์-จับได้แล้ว โจรใจบาปก่อเหตุ ตัดหางควายท้องแก่

วันที่ 16 มกราคม 2566 ความคืบหน้ากรณี คนร้ายไม่ทราบจำนวน ลงมือก่อเหตุ ตัดหางควาย “ ชื่อแม่พูนทรัพย์ “ ซึ่งกำลังท้องแก่ใกล้คลอด จนขาด เหลือเพียงโคนหางไว้ให้ดูต่างหน้า ซึ่งควายตัวดังกล่าว เป็นของ นายอรรถณพ จันทศร อายุ 38 ปี เหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 141/1 ต.ท้ายดง อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ และ ต่อมา เจ้าของ ก็พบชิ้นส่วนหางควายที่ถูกโจรใจบาปลักลอบตัด โดยคนร้ายได้นำมาโยนทิ้งไว้ที่ข้างบ้าน แต่หลังตรวจสอบดูแล้ว กลับพบว่าหางท่อนเนื้อช่วงโคน ได้หายไปส่วนหนึ่ง เชื่อถูกนำไปทำอาหาร
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังโป่ง โดย พ.ต.อ.นเรศ พูลหน่าย ผกก.สภ.วังโป่ง ได้นำกำลังออกสืบสวน จนทราบตัวชายต้องสงสัย เพราะมีพยานแวดล้อม พบเห็นชายคนดังกล่าว เดินออกมาจากบริเวณที่เกิดเหตุ และเป็นคนลงมือก่อเหตุตัดหางควาย จึงควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย ทราบชื่อต่อมา คือ นายยมนา กมลรัตน์ อายุ 36 ปี ชาวบ้านตำบลท้ายดง อำเภอวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา มาที่ สภ.วังโป่ง พร้อมกับอาวุธมีดที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยมีนายกรองใจ กมลรัตน์ อายุ72ปี ผู้เป็นพ่อ เดินทางมาด้วย


ซึ่งต่อมา พลตำรวจตรี ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อสอบสวน นายยมนา กมลรัตน์ อายุ 36 ปี ผู้ก่อเหตุด้วยตนเอง เพราะมองว่าเป็นคดีที่แปลก และสะเทือนขวัญต่อประชาชน ซึ่งหลังจากได้พูดคุย ทำให้ทราบว่า ผู้ก่อเหตุมีพฤติกรรมเสพยาบ้ามานาน จนมีอาการทางจิต พูดจาวกวน แถมผู้ก่อเหตุ ยังมีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงทำการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ พบฉี่เป็นสีม่วง
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้แจ้งข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ มาตรา 359 ซึ่งเป็นความผิดโทษเกี่ยวกับปศุสัตว์ พร้อมทั้งนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดี และในขณะเดียวกัน เจ้าทุกข์นั้นไม่ติดใจ และไม่อยากจะเอาเรื่อง แต่อยากให้หน่วยงาน ส่งตัวไปทำการวินิจฉัยอาการทางจิตและประสาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ ก็จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป

สอบถาม พลตำรวจตรี ฐเดช กล่อมเกลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบูรณ์ เผยว่า จากภาพข่าวสื่อมวลชน เป็นเคสที่แปลกประหลาด ตัดหางควาย โดยที่ควายตัวนี้ท้องแก่ น่าสงสารมาก ได้รับความทรมาน ส่งผลให้พี่น้องประชาชนหวาดกลัวกันมาก จึงได้สั่งการให้ทาง ผกก.สภ.วังโป่งติดตามคดีนี้ ซึ่งสะเทือนจิตใจพี่น้องประชาชน โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม หลังพบว่าควายที่เลี้ยงไว้4ตัว ในพื้นที่ราว10ไร่ มีรั้วขึงขอบเขตไว้ ไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อน กระทั่งพบว่าควายท้องแก่ถูกตัดหาง จึงโทรบอกเจ้าของให้มาดู และทำการสืบสวน ว่าควายไปสร้างความเดือดร้อนชาวบ้านหรือไม่ ก็ไม่มีใครมาแจ้ง พอตำรวจลงพื้นที่สืบสวน ก็ทราบว่า ผู้ต้องสงสัย เดินออกจากจุดเลี้ยงควาย จึงไปตามตัวมาสอบสวน โดยมีพ่อผู้ต้องสงสัยเดินทางมาด้วย ยอมรับว่าลูกชายเสพยามานานแล้ว มีอาการหูแว่ว ประสาทหลอน ควบคุมตัวเองไม่ได้ และจากพยานแวดล้อมต่างๆเชื่อได้ว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นคนก่อเหตุจริง และหลังจากพูดคุยกับผู้เสียหาย เขารู้สึกสงสาร ที่ผู้ก่อเหตุติดยา ควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงอยากถอนคำร้องทุกข์ ก็ต่อเมื่อทางหน่วยงานได้นำตัวไปบำบัดรักษา เพื่อคืนกลับสู่สังคม เสียก่อน
ขณะที่ นายอรรถณพ จันทศร อายุ 38 ปี เจ้าของควาย เผย ตัวเองนั้น เคยเห็นหน้าผู้ก่อเหตุมา เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน ก็ไม่อยากจะเอาเรื่องเอาราว แต่อยากให้นำตัว ไปบำบัดรักษาอาการติดยาเสพติด อาการประสาทหลอน ให้ทุเลาหรือหาย เพื่อต่อไปจะได้ไม่ไปก่อเหตุกับควายคนอื่น หรือก่อเหตุทำร้ายคน ทำร้ายเด็ก เพราะตรงที่เกิดเหตุ มีคนตกปลา มีคนสัญจรบ่อย ไม่อยากให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก ประชาชนก็มีการหวาดกลัวกับเหตุที่เกิดขึ้น
ด้าน นายกรองใจ กมลรัตน์ อายุ72ปี ผู้เป็นพ่อ เผยว่า ตนรู้ว่ายาเสพติดไม่ดี ก็เคยบอกลูกแล้ว แต่ลูกก็เถียงไม่ต้องมาสอน ไม่ต้องพูดมาก ตนเลยไม่กล้าพูด ขนาดอยู่บ้านด้วยกัน ยังไม่กล้าอยู่ใกล้ เวลามองหน้าก็ตาขวาง ตนต้องพยายามหลบหลีกเอา เพราะกลัวถูกทำร้าย ส่วนตัวอยากให้หน่วยงานนำตัวไปบำบัดรักษา เพราะก่อนติดยา ก็เป็นคนดี พอเสพยาก็พฤติกรรมเปลี่ยนไปเลย
ส่วนผู้ใหญ่บ้าน เผยว่า ก็อยากให้นำตัวผู้ก่อเหตุไปบำบัดรักษา เพราะเห็นมานานแล้ว ชาวบ้านก็กลัว เห็นพกมีดตลอด โดยคุณพ่อก็เคยมาแจ้งตนเองเหมือนกัน ซึ่งตนอยู่ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ บางครั้งก็คุยรู้เรื่อง บางครั้งก็ควบคุมตัวเองไม่ได้

เดชา มลามาตย์/มนสิชา คล้ายแก้ว