กาฬสินธุ์ เร่งปรับพื้นที่ทำนาปรังรับน้ำเขื่อนลำปาว

ชาวนาพื้นที่ใช้น้ำชลประทานเขื่อนลำปาว เร่งปรับปรุงพื้นที่ทำนาปรังในฤดูแล้ง ขณะที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว เปิดการระบายน้ำแล้ว เพื่อให้เกษตรกรทำการเกษตรในฤดูแล้งเต็มพื้นที่ โดยปัจจุบันมีปริมาณน้ำมากถึง 87% เพียงพอต่อการใช้สอยทุกกิจกรรมถึงปีหน้า


วันที่ 27 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพ ของชาวนากาฬสินธุ์ ในพื้นที่ใช้น้ำชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว พบว่ากำลังเร่งทำการไถกลบและตีดิน เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเพาะปลูกข้าวนาปรังหรือข้าวฤดูแล้งกันแล้ว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ได้มีมติเปิดการระบายน้ำ เพื่อทำการเกษตร และเพื่อการอุปโภคบริโภค รวมทั้งการใช้สอยอื่นๆอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เป็นไปตามมติของคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC)


นายสุเทพ ชัยวัฒน์ นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมศาลาร่มโพธิ์นุกูลทองทวี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว ทั้งในส่วนนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผลการส่งน้ำฤดูฝน 2565 ที่ผ่านมา และรายงานสถานการณ์น้ำเขื่อนลำปาวในปัจจุบัน โดยเฉพาะในส่วนของการพิจารณาแนวทางบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2565/2566 กำหนดวันส่งน้ำฤดูแล้ง 2565/2566 และกำหนดทำความสะอาดคูคลองส่งน้ำ เพื่อให้การจราจรของน้ำไหลสะดวก สามารถกระจายเข้าถึงแปลงเกษตรทุกแปลงอีกด้วย


ด้านนายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว กล่าวว่า ปัจจุบันปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาว 1,730 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็น 87% จากความจุอ่าง 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีปริมาณมากและเพียงพอต่อการใช้สอยทุกกิจกรรมถึงปี 2566 รวมทั้งยังเอื้อประโยชน์พื้นที่ด้านล่างเขตในเขต จ.ยโสธร จ.ร้อยเอ็ด และ จ.อุบลราชธานีอีกด้วย ทั้งนี้ มติการประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทาน (JMC) กำหนดทำการปล่อยน้ำตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.65 ถึงกลางเดือน เม.ย.66 และจะเริ่มปล่อยน้ำอีกครั้งกลางเดือน มิ.ย.66 ถึงกลางเดือน ต.ค.66 อย่างไรก็ตาม ก็ยังต้องขอความร่วมมือผู้ใช้น้ำให้รู้จักแบ่งปัน ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด