Thai Smile Happy Gift : Start to Connect ส่งความสุขปีกระต่ายทอง จากไทยสมายล์ กรุ๊ป

Thai Smile Happy Gift : Start to Connect ส่งความสุขปีกระต่ายทอง จากไทยสมายล์ กรุ๊ป

วันนี้ 22 ธันวาคม 2565 ณ ท่าเทียบเรือท่าช้าง นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม ได้เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Thai Smile Happy Gift : Start to Connect ส่งความสุขปีกระต่ายทอง จากไทยสมายล์กรุ๊ป ในงานนี้ นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด ได้ประกาศความสำเร็จของบริษัทในปี 2565 ว่า บริษัทและบริษัทในกลุ่มไทยสมายล์กรุ๊ปสามารถเปิดให้บริการรถโดยสารประจำทางแล้วกว่า 120 เส้นทาง หรือกว่า 1,250 คัน

และยังทำระบบเชื่อมโยงการเดินทางและการชำระค่าโดยสารของรถโดยสารพลังงานไฟฟ้ากับเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าของไทยสมายล์กรุ๊ปทั้งหมดเข้าด้วยกัน ด้วยระบบโครงข่ายเดียว (Single Network) จนมีศักยภาพที่จะรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนได้มากกว่า 3 ล้านคน อีกทั้งมีแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อจัดรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกจนมีจำนวนรวมไม่น้อยกว่า 3,500 คัน ด้วยงบประมาณ การลงทุนสูงถึงกว่า 24,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากจะเป็นการลงทุนเพื่อให้บริการอย่างเต็มที่แก่ผู้โดยสารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลแล้ว ยังช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับพี่น้องประชาชน มากกว่า 7,500 ตำแหน่งอีกด้วย

และนับเป็นโอกาสอันดีที่ไทยสมายล์กรุ๊ปมีความพร้อมในการนำระบบการชำระค่าโดยสารด้วยบัตรฮ๊อบ หรือ Hop card ผ่านเครื่อง E60 มาเริ่มใช้งานจริงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เป็นการอำนวยความสะดวกด้วยระบบสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) โดยไทยสมายล์กรุ๊ปมีของขวัญมอบให้กับผู้โดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2 แพ็คเกจ คือ
(1) ผู้เดินทางด้วยรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าในโครงข่ายของไทยสมายล์กรุ๊ปกว่า 120 เส้นทาง คิดราคาค่าโดยสารไม่เกิน 40 บาทต่อวัน (Daily max fare) โดยไม่จำกัดสาย และไม่จำกัดจำนวนเที่ยวต่อวัน (2) ผู้เดินทางด้วยรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า คิดราคาค่าโดยสารสูงสุด 50 บาทต่อวัน โดยไม่จำกัดสาย และไม่จำกัดจำนวนเที่ยวต่อวัน

การจัดแพ็คเกจทั้งสองนี้ สอดรับกับนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่มีเป้าหมายจะบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของพี่น้องประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเขตพื้นที่ต่อเนื่องกัน ซึ่งคาดว่าจะยิ่งส่งเสริมให้มีจำนวนผู้โดยสารมาเดินทางด้วยยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มของไทยสมายล์กรุ๊ปมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มศักยภาพการสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มของบริษัทฯ ควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุนพลังงานจากการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและนำเทคโนโลยีมาใช้ควบคุมการดำเนินงานอย่างรัดกุม ทำให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บค่าโดยสารสูง

นางสาวกุลพรภัสร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ในนามไทยสมายล์กรุ๊ป บริษัทได้กำหนดแผนงานและจัดเตรียมงบประมาณไว้อย่างเพียงพอ เพื่อที่จะนำยานยนต์ไฟฟ้าทั้งทางบกและทางน้ำมาให้บริการแก่ประชาชน ด้วยคุณภาพของการให้บริการที่ดี ไม่สร้างมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะครอบคลุมพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นครปฐม และฉะเชิงเทรา และเราขอเป็นส่วนหนึ่งของการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดี ให้กับการเดินทางประจำวันของพี่น้องประชาชน พร้อมกับขอขอบคุณกระทรวงคมนาคม ส่วนราชการทุกหน่วยงาน
และเอกชนที่เป็นพันธมิตรที่ให้โอกาสและให้การสนับสนุนเราด้วยดีเสมอมา เราขอยืนยันการดำเนินการตามเจตนารมณ์
ของไทยสมายล์กรุ๊ปที่มีความมุ่งมั่นในการให้บริการ “เดินทางด้วยรอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ที่จะสร้างการเติบโตได้อย่างยั่งยืน