กาฬสินธุ์-ปิดทองหลังพระส่งเสริมปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังทำนา

เกษตรกรกาฬสินธุ์กว่า 1,065 ราย สนใจเข้าร่วมโครงการต้นแบบปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา หลังจากที่สถาบันปิดทองหลังพระทดลองปลูกแล้วได้ผลผลิตกว่า 1,600 กิโลกรัมต่อไร่


วันที่ 15 พฤศจิกายน 25965 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากนายกฤษฎา บุญราช ประธานสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ มีนโยบายให้ดำเนินโครงการต้นแบบปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ขอนแก่น และอุดรธานี เพื่อสร้างทางเลือกการประกอบอาชีพหลังนา เพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรในสถานการณ์ที่ตลาดมีความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในปริมาณสูงและมีแนวโน้มที่ราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสืบสาน ต่อยอด ขยายผลแนวพระราชดำริ “ทฤษฎีใหม่” และ สร้างการมีส่วนร่วม “รู้ รัก สามัคคี” ด้วยแรงกาย แรงใจ ของสถาบันฯ ร่วมกับหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน และเกษตรกร


นายกฤษฎา บุญราช ประธานสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวว่า ในการดำเนินงานโครงการฯ สถาบันปิดทองหลังพระฯ จะบูรณาการความร่วมมือในการทำงานกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่การประชาคมชี้แจงทำความเข้าใจกับเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการ การตรวจแปลงเพื่อประเมินพื้นที่ที่เหมาะสมกับการเพาะปลูก การให้คำแนะนำ ตั้งแต่เริ่มการเพาะปลูก การตรวจติดตามแปลงเพาะปลูกตามแผนปฏิบัติการ การประสานหรือเสนอสถานที่รับซื้อผลผลิตที่ใกล้กับพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกร ตลอดจนการติดตามการเก็บเกี่ยวผลผลิต และประสานหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาบูรณาการร่วมกันในการดำเนินโครงการ ได้แก่ ชลประทานจังหวัด สนับสนุนการวิเคราะห์ต้นทุนน้ำ สถานีพัฒนาที่ดิน วิเคราะห์ความเหมาะสมและความสมบูรณ์ของดิน ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร กรมวิชาการเกษตรให้คำแนะนำเรื่องปุ๋ย แมลง หนอน รวมถึงเกษตรจังหวัด เกษตรและสหกรณ์จังหวัด สหกรณ์จังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง


นายกฤษฎากล่าวอีกว่า โครงการฯ นี้ ได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ที่จะเข้าร่วมโดยให้การสนับสนุนสินเชื่อปัจจัยการผลิตและบริการเครื่องมือทางการเกษตรแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการโดยไม่คิดดอกเบี้ย ประกอบด้วยเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย สารกำจัดศัตรูพืช โดรนพ่นยา เครื่องหยอดเมล็ด เครื่องหยอดปุ๋ย และหักค่าปัจจัยการผลิตและค่าบริการเครื่องมือทางการเกษตร เมื่อเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ นำผลผลิตมาจำหน่าย หากเกษตรปฏิบัติตามเงื่อนไขและคำแนะนำ แต่เมื่อเกิดภัยพิบัติ หรือมีรายได้จากการจำหน่ายไม่เพียงพอกับค่าปัจจัยการผลิตและค่าบริการเครื่องมือทางการเกษตร จะมีคณะทำงานตรวจประเมินและรับรอง พิจารณาการยกหนี้ค่าปัจจัยการผลิตส่วนที่เหลือ
“เพื่อให้ได้เป้าหมายผลผลิตอย่างน้อย 1,300 กิโลกรัมต่อไร่ และตกลงรับซื้อเมล็ดข้าวโพดความชื้นไม่เกินร้อยละ 27 ราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม (กรณีราคาตลาดสูงกว่าราคาประกันขั้นต่ำจะมีการประกาศปรับราคาขึ้นเป็นคราว ๆ ได้)

เงื่อนไขของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ คือ 1) สมัครใจ 2) พื้นที่เพาะปลูกต้องมีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย ห้ามตัดไม้ทำลายป่า หรือบุกรุกป่าไม้ของหน่วยงานราชการ และ 3) ร่วมดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยการไม่เผาตอซังข้าวโพดหลังเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกร สถาบันปิดทองหลังพระฯ จึงเริ่มต้นด้วยการจัดทำโครงการต้นแบบปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฯ ขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2565 ในพื้นที่เพาะปลูก 2 งาน คาดการณ์ผลผลิต 800 กิโลกรัมหรือ 1,600 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งกิจกรรมในวันนี้เป็นการเริ่มต้นการปลูกข้าวโพดอาหารสัตว์หลังฤดูทำนาและติดตามแปลงต้นแบบพร้อมพบปะเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าเข้าร่วมโครงการแล้วจะมีรายได้เพิ่มในช่วงหลังฤดูทำนา” นายกฤษฎากล่าว


“ที่เสนอให้พี่น้องปลูกข้าวโพดหลังนากันนั้น ก็เพราะเชื่อมั่นว่าจะทำให้พี่น้องมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากการทำนากันแล้ว ก็จะมีรายได้ทั้งปีและเป็นรายได้ที่น่าพอใจ เพราะสถานการณ์ที่ข้าวโพดกำลังขาดแคลนและเป็นที่ต้องการมาก ก็จะได้ราคาที่ดี หากเกษตรกรทำตามวิธีการที่กำหนดไว้ ผลผลิตข้าวโพดจะได้ไม่น้อยกว่า 1,300 กิโลกรัมต่อไร่อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เข้าใจดีว่า ในการเริ่มทำสิ่งใหม่ๆ อาจจะมีปัญหาอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ขอให้เกษตรกรอย่างเพิ่งท้อถอยหรือหมดกำลังใจ แต่ทุกฝ่ายทุกคน จะเรียนรู้ร่วมกันและหาหนทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคเหล่านั้น เพื่อให้โครงการนี้ บรรลุเป้าหมาย ประสบความสำเร็จ เกิดผลดีกับเกษตรกรต่อไป” นายกฤษฎากล่าวในที่สุด
ด้านนายสมศักดิ์ ไชยคำมิ่ง เกษตรกรเข้าร่วมโครงการต้นแบบปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์กล่าวว่า เดิมหลังฤดูทำนา ในฤดูแล้งจะปลูกพืชหมุนเวียนและทำนาปรัง ซึ่งต้นทุนการผลิตสูงเฉลี่ยไร่ละ 6,000 บาท ขณะที่ราคาขายผลผลิตข้าวเปลือกไม่แน่นอน พอได้รับการส่งเสริมจากสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา ซึ่งต้นทุนผลิตต่ำ ใช้น้ำน้อย ผลตอบแทนสูง มีประกันราคาชัดเจน การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จึงได้ประโยชน์และคุ้มค่ากว่าปลูกข้านาปรังและพืชชนิดอื่นๆแน่นอน