สระบุรี/พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะองคมนตรีเชิญผ้าพระกฐินไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร

สระบุรี/พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะองคมนตรีเชิญผ้าพระกฐินไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร


วันนี้( 2 พฤศจิกายน 2565) เวลา 14.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลนนท์ ประธานองคมนตรี เชิญผ้าพระกฐินพระราชทานคณะองคมนตรีไปทอดถวายยังที่ชุมนุมสงฆ์ ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาถ้วนไตรมาส ได้รับอานิสงส์ตามพระบรมพุทธานุญาต โดยมีพระศรีปริยัติเวที ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีคณะองคมนตรี นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดสระบุรี พุทธศาสนิกชน ร่วมทอดกฐินพระราชทานในครั้งนี้


โดยรถยนต์ประเทียบถึงวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสระบุรี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 18และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี รอรับประธานองคมนตรี เข้าพระอุโบสถ ประธานองคมนตรี รับผ้าไตรจากเจ้าพนักงานศุภรัต วางผ้าไตรไว้เหนือพานแว่นฟ้า ซึ่งตั้งอยู่หน้าอาสน์สงฆ์ใกล้เจ้าอาวาส จุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธปฏิมาพระประธานพระอุโบสถ หยิบผ้าสำหรับห่มพระประธานที่วางอยู่บนผ้าไตร มอบให้เจ้าพนักงานภูษามาลา เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา กล่าวรายงานจำนวนพระสงฆ์ จบแล้ว หยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้านั้นพาดระหว่างแขน แล้วประนมมือหันหน้าสู่พระประธาน หันหน้าสู่ที่ชุมนุมสงฆ์ กล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน วางผ้าไตรไว้บนพานแว่นฟ้าที่เดิมประเคนผ้าไตรและเทียนปาฎิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 พระสงฆ์ทำพิธีกฐินกรรม พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐินออกไปครองผ้าพระกฐินเสร็จกลับมานั่งอาสน์สงฆ์ ประเคนเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐิน พระสงฆ์อนุโมทนา ถวายอดิเรก เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหารมอบของที่ระลึกแด่ประธานองคมนตรี


จากนั้นออกจากพระอุโบสถ ไปยังพระมณฑปรอยพระพุทธบาท ขึ้นพระมณฑปรอยพระพุทธบาท ไปยังพระมกุฎพันธนเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ วางพวงมาลัย จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระมกุฎพันธนเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ ออกจากพระมกุฎพันธนเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ ไปยังพระมณฑปรอยพระพุทธบาท วางพวงมาลัย จุดธูปเทียนเครื่องนมัสการท้ายที่นั่งสักการะรอยพระพุทธบาท
วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 28 กิโลเมตร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก สร้างขึ้นเมื่อ ปี พ.ศ 2167 ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ปูชนียสถานที่สำคัญคือ ” รอยพระพุทธบาทที่ประทับไว้บนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรีรอยพระพุทธบาทมีความกว้าง 21 นิ้ว ยาว 60 นิ้ว ลึก 11 นิ้ว ค้นพบในสมัยพระเจ้าทรงธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทตามลักษณะ 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปชั่วคราว ครอบรอยพระพุทธบาทไว้ ต่อมาได้มีการสร้างต่อเติมกันอีกหลาย สมัย และยังพบรอยจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ สูงจากพื้น 160 เซนติเมตร เมื่อครั้นเสด็จนมัสการรอยพระพุทธบาท


ลักษณะของพระมณฑป เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ประกอบเครื่องยอดรูปปราสาท 7 ชั้น มุงกระเบื้องเคลือบ สีเขียว มีซุ้มบันแถลงประดับทุกชั้น มีเสาย่อมุมไม้สิบสอง ปิดทองประดับกระจกโดยรอบฝาผนัง ด้านนอกปิดทอง ประดับกระจกเป็นรูปเทพพนม พุ่มข้าวบิณฑ์บานประตูพระมณฑปเป็นงานศิลปกรรม ประดับมุกชั้นเยี่ยม ของเมืองไทย พื้นภายในปูด้วยเสื่อเงินสาน ทางขึ้นพระมณฑปเป็นบันไดนาคสามสายซึ่งหมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว ที่ทอดลงจากสวรรค์หัวนาคที่เชิงบันไดหล่อด้วยทองสำริด เป็นนาค 5 เศียร บริเวณรอบพระมณฑปมีระฆังแขวนเรียงราย เพื่อให้ผู้ที่มานมัสการได้ตีแผ่ส่วนกุศลแก่เพื่อนทั้งหลาย ส่วนพระอุโบสถ และพระวิหารต่างๆ ที่อยู่รายรอบ ล้วนสร้างตามแบบศิลปกรรมสมัยกรุงศรีอยุธยา และตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์


นอกจากนี้ ในบริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระพุทธบาท ( วิหารหลวง ) ซึ่งเป็นเก็บรวบรวม ศิลปวัตถุ อันมีค่า อาทิ เครื่องทรงสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เครื่องลายครามสังคโลก เครื่องทองสำริดโบราณ ศาสตราวุธ โบราณ รอยพระพุทธบาทจำลอง ยอดมณฑปพระพุทธบาทเก่าพัดยศของพระสมัยต่างๆ และท่อประปาสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช วิหารหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะช่วงที่มีงานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ซึ่งปกติ จัดให้มีปีละ 2 ครั้ง คือ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ และงานประเพณีตักบาตรดอกไม้ซึ่งเป็นประจำทุกปี ในวันเข้าพรรษา ตรงกับวันแรม 1 ค่ำเดือน 8

 

/ดำรงค์ ชื่นจินดา ผู้สื่อข่าวสระบุรี รายงาน