พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 แถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 3 คดี ตรวจยาบ้ารวมกว่า 8.6 ล้านเม็ด

ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนและสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.ได้มอบนโยบายให้เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม นั้น

วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2565 เวลาประมาณ 09.30 น. พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.มงคล สัมภาวะผล ผบก.ภ.จว.ลำปาง,พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผบก.ภ.จว.แพร่ ,นายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผอ. ปปส.ภาค 5 ,พ.อ.อดุลย์ ลอยฟ้า เสธ.ศอ.ปส.ชน. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 3 คดี จับกุมผู้กระทำความผิดรวม 4 คน ตรวจยาบ้ารวมกว่า 8.6 ล้านเม็ด รถยนต์ 3 คัน รถหัวลากบรรทุกจำนวน 2 คัน ณ บก.สส.ภ. 5 ดังนี้

คดีที่ 1 การจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก จว.ลำปาง เมื่อวันที่ 5 ต.ค.65 เวลาประมาณ 12.20 น. เป็นการจับกุมยาบ้าจำนวน 30 กระสอบ ประมาณ 6 ล้านเม็ด ได้ผู้ต้องหารวม 2 คน รถยนต์ 2 คัน กรณีนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบรถยนต์ต้องสงสัยจำนวน 2 คัน ขับตามกันมา ผ่านเข้ามาในหมู่บ้านพระบาทวังตวง ต.แม่พริก อ.แม่พริกฯ จึงได้ไปทำการตรวจสอบ และพบรถตู้มีลักษณะตรงตามที่รับแจ้ง และพบตัวนายเดชทัพฯ(สงวนนามสกุล) (ทำหน้าที่ขับรถขนยา) แสดงตัวเป็นผู้ขับขี่ ระหว่างที่กำลังสอบถามข้อมูล ปรากฏว่านายเดชทัพฯ วิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถไล่จับกุมตัวได้ จากนั้นได้ตรวจค้นรถยนต์ตู้พบยาบ้าของกลางภายในห้องโดยสาร และขยายผลจับกุมตัวนายวินัยฯ(สงวนนามสกุล)(ทำหน้าที่รถนำ) พร้อมรถยนต์เก๋งซึ่งใช้ในการขับนำ ได้ที่ ต.ล้อมแรด อ.เถิน จว.ลำปาง โดยยาบ้าของกลาง ต้นทางจาก อ.เทิง จว.เชียงราย ปลายทาง กทม.

คดีที่ 2 การจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่พริก จว.ลำปาง เมื่อวันที่ 7 ต.ค.65 เวลาประมาณ 13.00 น. ได้ตรวจยึดยาบ้า จำนวนรวม 618,000 เม็ด รถยนต์กระบะจำนวน 1 คัน ได้ที่บริเวณบ้านแม่เชียงรายลุ่ม อ.แม่พริก กรณีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งจุดสกัดยาเสพติดบริเวณหน้า อบต.แม่พริก และพบรถยนต์ของกลางขับผ่านมา จึงได้เรียกให้หยุด ในระหว่างที่รถชะลอลดความเร็ว จนท.สังเกตุเห็นว่ามีกระเป๋าสะพายจำนวนหลายใบวางอยู่บริเวณเบาะด้านหลังคนขับ ขณะรถกำลังจะหยุด ผู้ขับขี่ได้เร่งความเร็วรถแล้วขับรถฝ่าจุดสกัดหลบหนี จึงได้แจ้งสกัดจับ ต่อมา ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านแม่เชียงรายลุ่ม อ.แม่พริก ว่าพบรถต้องสงสัยมีลักษณะตามที่แจ้งสกัด ได้จอดอยู่บริเวณป่าละเมาะข้างทาง จึงได้ไปตรวจสอบ ภายในรถ ไม่พบตัวผู้ขับขี่ และไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่ได้เดินดูโดยรอบห่างประมาณ 10 เมตร พบยาบ้าของกลางซุกซ่อนกิ่งไม้ปกคลุม จึงได้ตรวจยึดยาบ้าดังกล่าว และนำส่ง พงส.ฯ

คดีที่ 3 การจับกุมของ ชุดสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ตอนใน ภ.5 ร่วมกับด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.65 เวลาประมาณ 19.30 น. เป็นการจับกุมยาบ้าจำนวน 10 กระสอบ ประมาณ 2 ล้านเม็ด พร้อมผู้ต้องหาจำนวน 2 คน รถหัวลากบรรทุกพ่วงจำนวน2คันได้ที่ด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ อ.เด่นชัย จว.แพร่ การจับกุมคดีนี้ชุดสกัดกั้นฯ ได้ทำการสืบสวนกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดพบมีข้อมูลข่าวสารว่ากลุ่มลำเลียงยาเสพติดได้ว่าจ้างรถยนต์บรรทุกโลจิสติกส์ลำเลียงยาบ้าจากพื้นที่แนวชายแดนด้าน จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงสืบสวนมาอย่างเนื่อง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 ต.ค.2565 พบรถยนต์บรรทุกพ่วง จำนวน 2 คัน ขับตามกันมา

จากพื้นที่ จว.เชียงราย ผ่าน จว.พะเยา,จว.ลำปาง,จว.แพร่ มุ่งหน้าไปยัง จว.อุตรดิตถ์ ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับข้อมูลแหล่งข่าว จึงประสานด่านตรวจห้วยไร่ เรียกตรวจค้นและจากการตรวจค้นรถทั้งสองคัน พบยาเสพติดของกลางซุกซ่อนอยู่บริเวณช่องเก็บของใต้ท้องรถ โดยคันแรกซึ่งมีนายนปภัสฯ(สงวนนามสกุล)เป็นผู้ขับขี่ พบยาบ้าซุกซ่อนจำนวน 6 กระสอบ คันที่สองซึ่งมีนายอมรินทร์ฯ(สงวนนามสกุล)เป็นผู้ขับขี่ พบยาบ้าซุกซ่อนจำนวน 4 กระสอบ รวมยาบ้าทั้งสองคันจำนวน 10 กระสอบประมาณ 2 ล้านเม็ด จึงได้ทำการจับกุมตัวนายนปภัส และนายอมรินทร์ฯผู้ขับขี่ นำส่ง พงส.ฯ ดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับยาบ้านี้ ต้นทางมาจาก อ.ขุนตาล จว.เชียงราย ปลายทาง อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 ได้กล่าวว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายประกาศทำสงครามกับยาเสพติดอย่างชัดเจนและจริงจัง ใช้มาตราการดำเนินการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดยาเสพติดโดยในปีงบประมาณ 2566 นี้ ได้ตั้งเป้าไว้ 1 แสนล้านบาท เพิ่มความเข้มในการป้องกันสกัดกั้นการลักลอบนำยาเสพติดตามแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน การนำโครงการชุมชนยั่งยืน หมู่บ้านปลอดยาเสพติดมาดำเนินการ บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครอง สาธารณสุข นำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการบำบัด และใช้มาตราทางชุมชนสังคมในการสอดส่องดูแล ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการใช้ยาเสพติด

ในด้านมาตรการควบคุมไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดนั้น พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 กล่าวว่า ตำรวจภูธรภาค 5 ได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ละนายดูแลพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชา มีการสุ่มตรวจปัสสาวะ หรือสารเสพติดอยู่เสมอ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

สำหรับการจับกุมเดือนที่ผ่านมา ตำรวจภูธรภาค 5 สามารถจับกุมยาบ้าได้รวมกว่า 10 ล้านเม็ด และในเดือนนี้ผ่านมายังมีการจับกุมได้อีกว่า 8.6 ล้านเม็ด เนื่องจากมีข่าวสารว่าการผลิตยาบ้ามีกำลังผลิตสูงขึ้น ดังนี้ จึงได้กำชับให้เพิ่มความเข้มในการสกัดกั้น ซึ่งกลุ่มขบวนลำเลียงยาเสพติดจะเปลี่ยนรูปแบบการลำเลียงไปตามสถานการณ์ เช่น การขนส่งโลจิสติกส์, การซุกซ่อนมากับรถบรรทุกพืชผลทางเกษตร โดยในกรณีดังกล่าวหากผู้รับจ้างขนส่งมีเหตุอันควรสงสัยว่าสิ่งของที่ตนเองรับจ้างขนบรรทุกมาอาจเป็นสิ่งของผิดกฎหมาย ผู้รับจ้างสามารถแจ้งเหตุไปยังสถานีตำรวจภูธรในสังกัดภาค 5 ทั้ง 159 สถานีได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง


ข้อมูลข่าว:สมาคมสื่อมวลชนเพื่อสังคม