เชียงใหม่-ประชุมทายาทเพื่อจัดการมรดกของพ่อเลี้ยงชูชาติ กัลมาพิจิตร พ่อเลี้ยงปางช้าง ครั้งที่ 2

การประชุมทายาทเพื่อจัดการมรดกคุณชูชาติ กัลมาพิจิตร พ่อเลี้ยงปางช้าง หลังจากที่ศาลตัดสินให้จัดการมรดกร่วม2คน ทนายแฉอีกฝ่ายมุ่งป่วนประชุมทายาท มาแล้วไม่ร่วมประชุม ทั้งที่จะนัดโอนทรัพย์มรดกให้ปางช้าง ซึ่งไม่เกี่ยวกับทรัพย์สินสมรสของนายชูชาติ

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 23 สิงหาคม 2565 ณ ห้องทับทิมโรงแรมฟูราม่า เชียงใหม่ นายอัคคพาคย์ อินทรประพงศ์ และนายพิมลศักดิ์ วรรณประภา ทนายความ ได้ร่วมกันชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงการจัดประชุมทายาทมรดก นายชูชาติ กัลมาพิจิตร พ่อเลี้ยงปางช้างแม่สา รวมทั้งแถลงข้อเท็จจริง กรณีพินัยกรรมและการจัดการมรดกต่อสื่อมวลชน โดยก่อนที่จะมีการแถลงข่าวทนายความแจ้งสื่อมวลชนให้ออกไปจากห้องประชุมก่อนเพื่อจัดประชุมร่วมกับทายาทเท่านั้น หลังจากที่นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ได้เดินทางมาถึง ซึ่งต่อมานางอัญชลี ได้นำเอกสารแสดงต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นหนังสือนัดให้มาประชุม และตรวจสอบทรัพย์มรดก แต่มาถึงห้องประชุม รอ5 นาที บอกว่า ไม่มีคนเริ่มประชุม จึงได้เดินทางกลับ

นายอัคคพาคย์ อินทรประพงศ์ กล่าวชี้แจงว่า ในฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นทนายความจัดการมรดก ของนางฐิติรัตน์ กัลมาพิจิตร ภรรยาของนายชูชาติ กัลมาพิจิตร ในฐานะผู้จัดการมรดกร่วมได้เชิญทายาทของนายชูชาติ ซึ่งมีอยู่ 6 คนมาร่วมประชุม แต่วันนี้มีทายาทที่เข้าร่วมประชุมเพียง 3 คน จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่เชิญประชุมในครั้งนี้มีวาระอยู่ 5 ข้อคือ ต้องการชี้แจงที่ประชุมถึงผลการประชุมทายาทฯครั้งที่ 1 ซึ่งครั้งนั้นนางอัญชลี ในฐานะผู้จัดการมรดกร่วมมาแต่ ก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ข้อ 2 คือจะชี้แจงถึงทรัพย์มรดกที่ได้รวบรวมมา เพื่อที่จะจัดการโอนทรัพย์สินที่มีก่อนการสมรสให้เป็นไปตามพินัยกรรมของนายชูชาติ มีทั้งบ้าน ที่ดิน คอนโดมิเนียม และรถยนต์รวมมูลค่าตามราคาประเมินประมาณ 30 กว่าล้านบาท ส่วนทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะคดียังอยู่ในชั้นศาล


ข้อ 3 จะชี้แจงผู้มีสิทธิ์เกี่ยวข้องกับมรดกทั้งตามกฎหมายและพินัยกรรม ข้อ 4 กำหนดวันตรวจสอบและนัดวันโอนมรดกที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวให้กับบริษัทปางช้างแม่สา ตามที่ระบุในพินัยกรรม ไม่ได้โอนให้กับทายาทคนไหนเลย ไม่ได้โอนให้นางอัญชลี และข้อ 5 ชี้แจงผู้จัดการร่วมเพื่อขอเบิกเงินจากบัญชี นายชูชาติ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการตามพินัยกรรมที่กำหนดให้เบิกจากกองมรดกได้ ผู้จัดการมรดกที่ศาลสั่งมี 2 คน คือ นางอัญชลีกับนางฐิติรัตน์ นี้ศาลสั่งให้ทำร่วมกัน ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่เซ็นต์ก็โอนไม่ได้

นายอัคคพาคย์ กล่าวอีกว่า “ครั้งแรกที่เห็นนางอัญชลี เดินทางมาถึงที่ประชุม ดีใจว่าจะเข้าร่วมประชุมเรื่องการจัดการมรดก แต่ก็ไม่ได้มีการประชุม จะทำให้การจัดการโอนทรัพย์สินยังทำไม่ได้ ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่เชิญทายาทของนายชูชาติ ซึ่งมีทั้งหมด 6 คนมาประชุม และต้องการชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่นางอัญชลี เป็นผู้จัดการมรดกร่วมไปเปิดตู้เชฟที่เจ้าของบ้านซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกร่วมไม่อยู่ด้วยว่าไม่ถูกต้อง และดูจากวันนี้เรื่องปัญหามรดกของนายชูชาติคงไม่จบง่ายๆ หากมีการยื้อกันไปมา ฟ้องกันไปฟ้องกันมาแบบนี้”ทนายความกล่าว

นภาพร/เชียงใหม่