กาฬสินธุ์-พระสายป่าสืบสานประเพณีขอขมาสามีจิกรรม

คณะสงฆ์ธรรมยุตในจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่วมพิธีขอขมาสามีจิกรรมเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา เพื่อลดทิฐิ แสดงความเคารพ ให้เกียรติ ซึ่งกันและกัน เน้นย้ำความสามัคคีในหมู่คณะสงฆ์ ร่วมกันรักษาพระธรรมวินัย ให้เป็นแบบอย่างสังคมผู้ที่เลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา

 


ที่วัดประชานิยม ถ.ถีนานนท์ ในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พระธรรมดิลก (สมาน สุเมโธ ป.ธ. 9) วัดป่าแสงอรุณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 (ธ) เป็นประธานสงฆ์ทำสามีจิกรรมเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา โดยมีพระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม, พระญาณรักขิต รองเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธ) พร้อมพระสังฆาธิการ คณะสงฆ์ธรรมยุตหรือพระป่าภาคอีสาน ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งกิจกรรมนี้จัดต่อเนื่องในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาของทุกปี
โดยก่อนพิธีการ พระธรรมดิลก (สมาน สุเมโธ ป.ธ. 9) วัดป่าแสงอรุณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 9 (ธ) กล่าวให้โอวาท นำกล่าวสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย

จากนั้นเริ่มพิธีขอขมา เริ่มจากพระธรรมดิลก พระเทพสารเมธี พระญาณรักขิต ทั้งนี้เพื่อให้คณะสงฆ์ถวายดอกไม้ ธูปเทียนแพ เพื่อเป็นเครื่องกราบสักการบูชาแก่พระผู้ใหญ่ที่มีพรรษากาล สืบเนื่องถึงพระผู้ปกครองภายในจ.กาฬสินธุ์ ทำให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ อยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคี รักษาพระธรรมวินัย มีน้ำหนึ่งใจเดียว และมุ่งมั่นในการพัฒนาวงการคณะสงฆ์ เป็นแบบย่างที่ดีให้กับสาธุชน และให้พุทธศาสนิกชนเลื่อมใสศรัทธา ร่วมกันต่อยอดพัฒนาพระพระพุทธศาสนาให้วัฒนาสถาวรสืบไป


พระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม กล่าวว่า รู้สึกยินดีกับหมู่คณะสงฆ์ใน จ.กาฬสินธุ์ ที่มีความรักความสามัคคี ขอชื่นชมพระสังฆาธิการที่ได้ดูแลเอาใจใส่พระผู้อยู่ภายใต้ในเขตปกครองของแต่ละวัดทั่วทั้ง จ.กาฬสินธุ์ 18 อำเภอ การทำสามีจิกรรม ถือเป็นประเพณีพระสงฆ์สายป่าธรรมยุตที่ให้พระสงฆ์ที่มีพรรษากาลที่น้อยกว่า ทำพิธีขอขมาพระสงฆ์ที่มีพรรษามาก เพื่อแสดงถึงความเคารพให้เกียรติ


“ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการทำพิธีสามิจิกรรมนั้น เพื่อเป็นการลดทิฐิมานะของพระสงฆ์ที่มีอายุมากกว่า แต่มีพรรษาน้อยกว่าหรือเข้ามาบวชทีหลัง ซึ่งพระสงฆ์เรายึดถึงอายุของการบรรพชาอุปสมบทก่อนให้มีพรรษามากกว่า ผู้ที่เข้ามาบรรพชาอุปสมบทที่เข้ามาทีหลัง ขอให้พระสงฆ์ทุกรูปในที่ประชุมนี้มีความรักความสามัคคีถ่อยที่ถ่อยอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อให้สังคมสงฆ์เป็นสังคมแบบอย่างแก่ผู้ที่เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาสืบไป” พระเทพสารเมธีกล่าว