สายมูต้องไม่พลาด ไหว้ขอพร “พญาอนันตนาคราช พญานาคเผือก” วัดป่าคำหัวช้าง ขอนแก่น เสริมโชค สร้างบารมี

สายมูต้องไม่พลาด ไหว้ขอพร “พญาอนันตนาคราช พญานาคเผือก” วัดป่าคำหัวช้าง ขอนแก่น เสริมโชค สร้างบารมี

 

วัดป่าคำหัวช้าง พุทธสถานศักดิ์สิทธิ์ที่มีตำนานเล่าขานต่อๆ กันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จนถึงปัจจุบัน และยังเป็นที่พึ่งของพุทธสาสนิกชนที่มากราบไหว้ขอพร ให้สมปรารถนาในสิ่งที่ต้องการ ทั้งด้านหน้าที่การงาน โชคลาภ ธุรกิจการค้า แรงศรัทธาจากทั่วสารทิศที่มากราบไหว้ บนบานต่อพ่อปู่คำหัวช้างและประสบความสำเร็จ ดังที่หวังไว้ จึงนำรูปปั้นช้าง-ม้ามาถวายเป็นการแก้บน ทำให้มีรูปปั้นช้าง-ม้านับแสนตัว และกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “วัดป่าคำหัวช้าง” ที่รู้จักกันมาจนถึงปัจจุบัน

พระอาจารย์ศิริวัฒน์ ถาวรธมโม หรือ “หลวงพ่อศิริ” เจ้าอาวาสวัดป่าคำหัวช้าง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ด้วยแรงศรัทธาของพุทธสาสนิกชนที่มากราบไหว้ “ศาลเจ้าปู่คำหัวช้าง” แล้วมักประสบความสำเร็จสมหวังในสิ่งที่ตนเองติดขัดมีความราบรื่น และสำเร็จทุกครั้ง เชื่อว่าเป็นเพราะบารมีของพ่อปู่คำหัวช้าง และบารมีหลวงปู่ทวด ปากเป็นเงินเป็นทอง บางท่านที่ขอแล้วได้ก็นำรูปปั้นช้าง ม้า มาถวายเพื่อเป็นการแก้บน บางท่านก็จุดประทัดถวาย และหลายๆ ท่านก็นำขนม นมเนย และปัจจัยมาร่วมสมทบสร้างหลวงปู่ทวด เพื่อเป็นการต่อยอดทานบารมีให้เพิ่มพูนยิ่งขึ้น

ซึ่งภายในบริเวณพื้นที่วัดป่าคำหัวช้างนี้ นอกจาก“ศาลเจ้าปู่คำหัวช้าง” แล้ว สถานที่แห่งนี้ ในอดีตยังเป็นเส้นทางเดินทัพของเหล่านักรบ ครานั้น ช้างศึกของน้องสาวย่าโมแห่งเมืองโคราชได้พลัดตกลงไปตายในหนองน้ำท้ายวัด ต่อมาได้มีการพบโครงกระดูก จึงปั้นรูปช้างที่มีความสูง 5 เมตร พร้อมบรรจุวัตถุมงคลร้อยแปดไว้ภายใน และตั้งชื่อว่า “พลายแก้วกระดิ่งทอง” ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้ นับเป็นจุด check in ที่ได้รับความนิยมจากประชาชนที่เข้ามากราบไหว้พ่อปู่คำหัวช้าง และเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนที่ให้ความสงบ ร่มรื่น อีกทั้งยังเป็นพื้นที่สำหรับครอบครัว เพราะมีเครื่องเล่นสำหรับเด็ก และเครื่องออกกำลังกายสำหรับผู้ใหญ่ พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ทางวัดฯ จัดไว้ให้บริการ พร้อมมีไวไฟฟรีสำหรับทุกท่าน

 


หลวงพ่อศิริ เล่าต่อไปว่า ย้อนหลังไปเมื่อประมาณวันที่ 6 มกราคม 2565 เวลาประมาณตี 5 กว่าๆ ได้นิมิตเห็น เด็กน้อยประมาณ 8-9 คน อายุประมาณ 10-12 ขวบ อุ้มพญานาคราชผิวกายสีเผือกขึ้นมาจากบ่อร้างด้านหลังวัด นำมาถวายหลวงพ่อที่หน้ากุฏิที่หลวงพ่ออยู่ ซึ่งพญานาคก็ขยับตัวให้ทราบว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ พอหลวงพ่อยื่นมือมารับ ก็ตกใจตื่นพอดี ช่วงสายของวันนั้นมีโยมจากบ้านกอก ตำบลบ้านเป็ด อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น มาทำบุญที่วัด และเห็นเป็นรอยเหมือนงูใหญ่เลื้อยอยู่บนพื้นดิน ไปเล่าให้หลวงพ่อฟัง ซึ่งก่อนหน้านั้นหลวงพ่อเอง ก็ได้เคยเห็นรอยงูใหญ่เลื้อยไปที่สะพานสิมกลางน้ำ เพื่อที่จะไปสักการะพระพุทธชินราช ซึ่งประดิษฐานอยู่ในสิม โดยรอยเลื้อยที่เห็นช่วง 2 เมตรแรก จะปรากฏคราบโคลนดินติดขึ้นมาด้วย รอยเลื้อยต่อจากนั้นเป็นรอยงูไม่มีคราบโคลนติด ปรากฏรอยชัดเจนมากความยาวกว่า 3 เมตร และรอยค่อยๆ จางหายไป

หลังจากนั้น อีกสองเดือนต่อมา ทางวัดได้เตรียมงานเพื่อรองรับคณะผ้าป่าสามัคคีจากลูกศิษย์ที่จะมาจากหลายหลายจังหวัดทั่วประเทศ และมีการปรับพื้นที่เพื่อให้เกิดความสวยงาม หลวงพ่อพิจารณาแล้วเห็นว่าต้นมะกอกที่อยู่บริเวณหน้าสระเก่า ซึ่งขึ้นมาเบียดคู่กันสองต้น ไม่สวยงามจึงสั่งให้คนงานตัดเหลือเพียงต้นเดียว และตกแต่งเพื่อความสวยงาม คนงานก็ตัดตามที่หลวงพ่อได้บอก หลังจากตัดต้นลงมาแล้ว หลวงพ่อจะให้ตัดตอออก จึงให้ขุดรอบๆ ตอประมาณ 1 เมตร และเมื่อลงใบเลื่อยยนต์จะตัดตอไม้ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องสวนขึ้นมาจากตอไม้ดังกล่าว ทำให้หลวงพ่อและคนตัด มองหน้ากันด้วยความสงสัย ต่างคิดว่าหูฝาดไป หลวงพ่อจึงให้ลองลงใบมีดเลื่อยยนต์เพื่อตัดใหม่อีกครั้ง ก็มีเสียงกรีดร้องว๊ายขึ้นมาจากตอไม้อีกเช่นเดิม หลวงพ่อจึงสั่งให้หยุดตัดตอไม้นั้น และให้คนตัดไม้ทำพิธีขอขมา

วันต่อมาจึงได้เชิญพราหมณ์มาทำพิธีบวงสรวงขอขมา และถามที่มาของเสียงนั้น จึงทราบว่าเป็นเสียงของเจ้าแม่สุพรรษา และเจ้าแม่สุปราณี สองพี่น้อง ซึ่งเป็นลูกสาวของพญาอนันตนาคราช ซึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำบริเวณนี้ ท่านทราบว่าหลวงพ่อจะทำการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่วัด ท่านมิได้ว่ากระไร แต่ลูกสาวเกรงว่าจะตัดมาโดนตัวท่าน จึงส่งเสียงเตือนเท่านั้น และขอให้หลวงพ่อสร้างศาลสองพี่น้องให้เจ้าแม่สุพรรษาและเจ้าแม่สุปราณี อยู่แทน และให้สร้างองค์พญานาค เพื่อให้ท่านได้มีที่อยู่อาศัย และจะได้ช่วยเหลือพุทธศาสนิกชนที่มากราบไหว้ขอพรเป็นการสร้างทานบารมีและสร้างพลังศรัทธาให้เกิดกับวัดป่าคำหัวช้างด้วย ในช่วงนั้น หลวงพ่อยังไม่มีปัจจัยมากพอที่จะสร้างองค์พญานาค และสร้างศาลาถวายเจ้าแม่ทั้งสองนางได้ จึงทำศาลขนาดเล็ก และทำบายสีองค์พญานาคองค์ใหญ่ถวายท่านไปก่อน หลวงพ่อศิริ กล่าว และเล่าต่อไปว่า

ทุกปีก่อนเข้าพรรษา ทางวัดจะทำพิธีส่งพญาอนันตนาคราช และเจ้าแม่ทั้งสองนาง ไปบำเพ็ญศีลภาวนาในถ้ำบาดาลตลอดพรรษา และจะทำพิธีรับเมื่อถึงช่วงเทศกาลออกพรรษา โดยทำเป็นประจำทุกปี และผู้ที่มากราบไหว้ขอพร มักประสบความสำเร็จสมหวังแทบทุกราย และยังได้ร่วมสมทบทุนเพื่อร่วมสร้างองค์พญานาค จนสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยองค์พญาอนันตนาคราชนี้ จะมีสีขาวเคลือบ มีความอ่อนช้อย สวย และสง่างาม รูปแบบตามที่หลวงพ่อนิมิตเห็นก่อนหน้านั้น ความเชื่อในเรื่องของพญานาคอยู่คู่กับคนไทยมาแต่ครั้งโบราณจนปัจจุบัน มักได้รับการกราบไหว้บูชาจากผู้คนที่มีพลังความศรัทธา เพื่อเสริมอำนาจบารมี โชคลาภ ตามศาสนาพุทธ เวลาคนจะบวชจะต้องนุ่งขาวห่มขาว ถือศีล 8 จึงให้พญานาคที่นี่มีสีขาว “พญาอนันตนาคราช พญานาคเผือก” ซึ่งกายเป็นสีขาว สะอาดบริสุทธิ์ จึงมีความสวยงาม ตระการตา บ่งบอกถึงความสะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งมีแห่งเดียวในจังหวัดขอนแก่น พร้อมกันนี้ ทางวัดยังมีแผนที่จะสร้างเรือนไทยสำหรับเจ้าแม่สองนาง ได้อยู่คู่กันกับองค์พญานาคเผือก แทนศาลหลังเดิมที่คับแคบ และจะนำซุ้มไม้มาตั้งเพิ่มอีก 2 หลัง สำหรับท่านที่เข้ามากราบไหว้ขอพรได้ใช้นั่งพักผ่อนใต้ร่มโพธิ์อีกด้วย

หลวงพ่อศิริ กล่าวต่อไปว่า สำหรับท่านที่มีจิตศรัทธา จะร่วมสมทบปัจจัยในการสร้าง “หลวงปู่ทวด ปากเป็นเงินเป็นทอง” ซึ่งทำจากทองเหลืองทั้งองค์ ขนาดหน้าตักกว้าง 19.99 เมตร สูง 39.99 เมตร (รวมฐาน) สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ พระศิริวัฒน์ ถาวรธมฺโม (เจ้าอาวาส) โทรศัพท์ 097-3015786, 096-8891545 หรือบริจาคได้ตามกำลังศรัทธา โดยโอนเข้าบัญชี วัดป่าคำหัวช้าง ธนาคารกสิกรไทย บัญชีเลขที่ 491-224-888-2 จึงขอเรียนเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านร่วมสร้างสมบัติของแผ่นดิน ไว้เป็นอนุสรณ์ให้ลูกหลานได้กราบไหว้สืบต่อพระพุทธศาสนาต่อไป