กพต.มีมติเห็นชอบให้ พัฒนาอุโมงค์ จคม.เนื้อที่ 4,000 ไร่เป็น แหล่งท่องเที่ยว

กพต.มีมติเห็นชอบให้ พัฒนาอุโมงค์ จคม.เนื้อที่ 4,000 ไร่เป็น แหล่งท่องเที่ยว โดยให้ กรมป่าไม้ เป็นผู้รับผิดชอบและโครงการอื่นๆอีก 5 โครงการ โดยให้ ศอ.บต. เป็นผู้ รับผิดชอบในการ “ขับเคลื่อน” เพื่อสร้างความมั่นคงในพื้นที่


พล.ร.ต. สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) เปิดเผยว่า ในการประชุม คณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( กพต.) ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้เห็นชอบการพัฒนาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 5 โครงการด้วยกัน และหนึ่งในโครงการที่ กพต.เห็นชอบ คือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ด้วยการพัฒนาอุโมงค์ที่อดีต โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ได้ทำการขุดขึ้นในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อเป็นฐานที่มั่นในขณะที่ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐในขณะนั้น ซึ่งเป็นอุโมงค์ที่ใหญ่ที่สุดในจำนวน 3 อุโมงค์ ที่มีอยู่ในพื้นที่ อ.เบตง จ.ยะลา โดยอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อุโมงค์ ที่เปิดเป็นแหล่งการท่องเที่ยวแล้ว ชื่อว่าอุโมงค์”ต้าสวุ่ยตัว” มีพื้นที่ทั้งหมด 4,000 ไร่ โดย โดยกรมป่าไม้เจ้าของพื้นที่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการนำพื้นที่มาทำการปรับปรุงพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ในเชิงประวัติศาสตร์ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งที่เป็นชาวจีน จากมณฑลยูนนานและอื่นๆ ร่วมทั้งนักท่องเที่ยวในประเทศ และในภาคใต้เข้าไปชมอุโมงค์ยักษ์แห่งนี้ ซึ่ง ศอ.บต. ได้เข้าไปสำรวจพบว่า เป็นอุโมงค์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้หลบภัยและเป็นที่มั่นที่น่าศึกษาค้นคว้าและน่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างยิ่ง การนำเอา อุโมงค์”ต้าสวุยตัว” มาพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในครั้งนี้ จะเป็นการเพิ่มพื้นที่การท่องเที่ยวของ อ.เบตง จ.ยะลา ให้สอดคล้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวที่มีอยู่เดิมให้ มั่นคง เข้มแข็ง ยิ่งขึ้น


นอกจากนั้น กพต. ยังได้เห็นชอบในโครงการพัฒนารวมด้านอื่นๆ เช่น เช่นโครงการการเสริมสร้างคนดีตามหลักของศาสนา เพื่อการสืบสาน ฟื้นฟูความเป็นสังคม”พหุวัฒนธรรม” ในพื้นที่ เป็นการส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนาทุกศาสนาเน้นเป้าหมายไปที่กลุ่มเด็กและเยาวชน เพื่อให้เข้าถึงหลักศาสนาที่นำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ในสังคมที่เป็น พหุวัฒนธรรม และเห็นชอบให้ดำเนินการโครงการส่งเสริมคนดีมีคุณธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการประกอบพิธีฮัจย์ ณ ประเทศซาอุดีอารเบียในกรณีที่เป็นผู้นับถือศาสนาอิสลาม และการปฏิบัติธรรมและศึกษาแหล่งสังเวชนียสถาน 4 สำหรับผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ ณ ประเทศอินเดีย-เนปาล ซึ่งเป็นการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันตามหลักศาสนาที่ถูกต้อง เป็นการเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบด้วย


ส่วนในเรื่องของ เศรษฐกิจฐานราก กพต.เห็นชอบให้ ขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมต่อระหว่างด่านศุลกากรแห่งใหม่ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อการเชื่อมต่อกับด่าน บูกิ๊ตกายูฮีตำ ของประเทศมาเลเซีย และเชื่อมต่อกับถนนสายหลักภายในพื้นที่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการ เข้า-ออก ระหว่างประเทศ ทั้งในด้านการค้า การท่องเที่ยว และโครงการสุดท้าย เป็นโครงการเพิ่มจำนวนบัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิ ซึ่งเป็นโครงการที่มีอยู่เดิม ให้มีการครอบคลุมเป้าหมายทั้งหมด ที่ขณะนี้บัณฑิตอาสาในหมู่บ้านยังขาดอยู่ 134 คน และในชุมชนเมืองยังขาดอยู่ 202 คน ซึ่งจะทำการจ้างให้ครบจำนวน 2 ,458 คน เต็มอัตรา เพื่อให้บัณฑิตอาสาเหล่านี้ เป็นผู้สนับสนุนงานภาครัฐในด้านการพัฒนาและการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่
โดย เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธาน กพต. ได้ให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการทั้ง 5 โครงการ ซึ่งมี ศอ.บต. ทำหน้าที่ในการ บูรณาการ ขับเคลื่อน ให้โครงการทั้งหมดเดินหน้า เพื่อการตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนเป็นเป็นการแก้ไขปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งยังต้องมีการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาที่สำคัญอาทิ ด้านปศุสัตว์ ,เศรษฐกิจฐานราก การท่องเที่ยว การกีฬา ซึ่งยังไม่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณ รวมทั้งโครงการที่ กพต. มีมติเห็นชอบในครั้งนี้ ก็ต้องดำเนินการจัดหางบประมาณ เพื่อดำเนินการโดยเร็วในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565-2566 ต่อไป

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา